นายฉันทานนท์ วรรณเขจร
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า
กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
(กองทุน FTA) มุ่งสนับสนุนการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบการบริหารจัดการฟาร์มโคเนื้อให้ได้มาตรฐานภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อสุรินทร์วากิวครบวงจรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เกษตรกร
ลดผลกระทบจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) หลายฉบับ เช่น ความตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย ความตกลงการค้าเสรีไทย
- นิวซีแลนด์ และเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นต้น
ที่ผ่านมา สศก.
ได้สนับสนุนการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมโคเนื้อของไทยตั้งแต่ต้นน้ำ
กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
โดยขับเคลื่อนผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากกองทุน FTA ดังเช่น
โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อสุรินทร์วากิวครบวงจรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เกษตรกร
โดยมีกรมปศุสัตว์ เป็นผู้กำกับดูแล มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2564 - 2573) ด้วยงบประมาณจำนวน 21.89 ล้านบาท มีกรมปศุสัตว์ เป็นหน่วยงานกำกับดูแล แบ่งเป็นเงินจ่ายขาด 0.6 ล้านบาท
เพื่ออบรมเกษตรกรหลักสูตรการจัดการฟาร์มเพื่อผลิตลูกโคต้นน้ำคุณภาพ
และหลักสูตรการจัดการฟาร์มโคขุนคุณภาพ ส่วนอีก 21.29 ล้านบาท
เป็นเงินยืมปลอดดอกเบี้ย เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนซื้อลูกโคหย่านม จำนวน 480 ตัว และค่าอาหารโค ซึ่งโครงการฯ มีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการผลิตโคขุน
(โคเนื้อลูกผสมไทยวากิว) ลดต้นทุนการผลิต เน้นถ่ายทอดเทคโนโลยี
ภายใต้การจัดการฟาร์มมาตรฐาน GFM ในเบื้องต้น
และพัฒนาไปสู่ฟาร์ม GAP เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อลูกผสมไทยวากิวด้วยการบริหารจัดการเลี้ยงโคขุนรูปแบบคอกกลาง
ตลอดจนเพิ่มช่องทางในการแข่งขันเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้านนางกาญจนา แดงรุ่งโรจน์
รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า เมื่อวันที่ 9
มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองทุน FTA สังกัดสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร
ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ จ.สุรินทร์
ลงพื้นที่ติดตามโครงการฯ พบว่า
ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุนสุรินทร์โกเบครบวงจรตำบลสลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้นำงบประมาณเงินจ่ายขาดมาฝึกอบรมสมาชิก
40 ราย จำนวน 2 หลักสูตร ได้แก่
หลักสูตรการจัดการฟาร์มเพื่อผลิตลูกโคต้นน้ำคุณภาพและการจัดการฟาร์มโคขุนคุณภาพ
รวมถึงนำเงินยืมปลอดดอกเบี้ยไปจัดซื้อลูกโคหย่านม
จำนวน 452 ตัว คิดเป็นร้อยละ 94
ของเป้าหมาย ระยะเวลาการขุน 24 เดือน
โดยนำลูกโคมาขุนในคอกกลางที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 5 แห่ง
ซึ่งทั้ง 5 แห่งได้รับมาตรฐาน GFP และมี
2 แห่งได้รับมาตรฐาน GFP ควบคู่ GAP
ที่ผ่านมา กลุ่มวิสาหกิจฯ
สามารถผลิตโคขุนเป็นไปตามแผน โดยใช้ระยะเวลาการขุนเพียง 19 -22 เดือน
และจำหน่ายโคขุนไปแล้วจำนวน 12 ตัว
มีเกรดคุณภาพไขมันแทรกระดับ 3.0 ขึ้นไป ขนส่งเข้าโรงเชือดของ
อบต. สลักได ใช้เวลาบ่มนาน 7 วัน
ตัดเกรดไขมันซากและจำหน่ายซาก (แบบยกซาก) ให้กับบริษัทคู่สัญญา
รวมทั้งตัดแต่งซากเพิ่มมูลค่าเพื่อจำหน่ายผ่านร้านของกลุ่ม โดยภาพรวมเกษตรกรมีต้นทุนการเลี้ยงโคขุนอยู่ที่
75,000 - 80,000 บาท ต่อตัว จำหน่ายในราคา 100,000 -
105,000 บาทต่อตัว ทางกลุ่มวิสาหกิจฯ
จะหักเงินรายได้จากการขายโคของเกษตรกรไว้ตัวละ 11,000 บาท
เพื่อรวบรวมไว้สำหรับชำระหนี้กองทุน FTA ส่งผลให้เกษตรกร
มีรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายจากการจำหน่ายลูกโค เฉลี่ยที่ 25,000 บาทต่อตัว
จะเห็นได้ว่า ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น
ถือเป็นแบบอย่างของการดำเนินโครงการฯ
ที่มีประสิทธิภาพอันเนื่องมาจากเกษตรกรมีความรู้ในการผลิตโคเนื้อลูกผสมวากิว ได้รับโคสายพันธุ์ดีจากโครงการ มีการใช้อาหาร TMR (Total Mixed Ration) รวมถึงระบบการจัดการฟาร์มรูปแบบการผลิตแบบคอกกลางที่เป็นไปตามมาตรฐาน
GFM ทำให้โคมีความสมบูรณ์ และผลิตภัณฑ์เนื้อโคมีคุณภาพ
เนื้อมีความนุ่มเนื่องจากเป็นลูกโคอายุน้อยที่นำมาขุนตั้งแต่หย่านม
ระดับไขมันแทรกเกรดคุณภาพ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากอาหารที่ใช้เลี้ยงโคที่มีธัญพืช
รำข้าว ปลายข้าว และฟางข้าวจากข้าวหอมมะลิ ทั้งนี้ กองทุน FTA พร้อมขยายการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ
ผลักดันเกษตรกรให้มุ่งดำเนินธุรกิจ พัฒนากระบวนการเลี้ยงโคเนื้อ ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
เพื่อให้คู่ค้าเอกชนและเครือข่ายกลุ่มในจังหวัดต่าง ๆ เกิดการยอมรับ
และขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคเนื้อวากิวทั้งตลาดภายใน จ.สุรินทร์
และจังหวัดอื่นๆ ต่อไป