กรมประมงเตือนประชาชนระวัง
“พยาธิในซาชิมิ” หากบริโภคเข้าไปสามารถทำลายอวัยวะต่าง ๆ
และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
เผยพบได้ทั้งในปลาทะเลและปลาน้ำจืดที่นิยมนำมาทำซาชิมิ
จึงขอให้ประชาชนผู้บริโภคระมัดระวัง และเลือกบริโภคซาชิมิจากแหล่งที่เชื่อถือได้
นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง
เปิดเผยในฐานะโฆษกกรมประมงว่า ซาซิมิเป็นอาหารที่ได้จากการแล่เนื้อปลา หมึก
หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ยังสดอยู่เป็นชิ้นบาง ๆ
และมักจะรับประทานคู่กับโชยุหรือซีอิ้วญี่ปุ่นและวาซาบิ
ซึ่งซาชิมินั้นสามารถใช้ทั้งสัตว์น้ำทะเล สัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำกร่อยเป็นวัตถุดิบได้
แต่การบริโภคอาหารแบบดิบนั้นมีโอกาสที่จะพบพยาธิต่าง ๆ เช่น
ในซาชิมิจากปลาหรือหมึกทะเลมักพบตัวอ่อนของพยาธิตัวกลม และพยาธิตืดปลา
ส่วนซาชิมิจากปลาน้ำจืดและน้ำกร่อยนั้น มักพบพยาธิตัวจี๊ด พยาธิตืดปลา
พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ปอด และพยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย
ซึ่งสามารถแยกลักษณะและอาการของผู้ที่บริโภคพยาธิเข้าไปได้ ดังนี้ 1. พยาธิตืดปลา เป็นพยาธิตัวแบนยาว ลำตัวเป็นปล้อง
ยาวได้มากที่สุดประมาณ 150 เซนติเมตร หากบริโภคเข้าไปและเกิดการสะสมเป็นเวลานาน
จะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ร้อนบริเวณหน้าท้อง
ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้
บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตาย 2. พยาธิตัวจี๊ด
มีลักษณะลำตัวกลมยาวประมาณ 1.5 - 3.0 เซนติเมตร
หัวคล้ายลูกฟักทอง ทั้งหัว และตัวจะมีหนาม โดยพบตัวอ่อนของพยาธิในปลา
เมื่อคนกินปลาซึ่งมีพยาธิระยะติดต่อเข้าไป พยาธิจะคืบคลาน หรือไชไปตามอวัยวะต่าง ๆ
ของร่างกาย หากเข้าสู่อวัยวะสำคัญอาจถึงตาย
3. พยาธิอะนิซาคิส
เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่นและเขตร้อน ลำตัวยาวประมาณ 1 - 2 เซนติเมตร บริเวณปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา
พยาธิชนิดนี้จะไชผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดแผล
และอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ทำให้ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้
และท้องอืด 4. พยาธิใบไม้ แบ่งได้ 2
ชนิด ได้แก่ พยาธิใบไม้ตับ เกิดจากการกินอาหารประเภทปลาน้ำจืดชนิดมีเกล็ดที่มีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ
หากบริโภคปลาที่มีพยาธิชนิดนี้เข้าไปจะเกิดอาการ เช่น ท้องอืด แน่นท้องเจ็บบริเวณชายโครงขวา
ร้อนบริเวณหน้าท้อง และหากปล่อยไว้นานจะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง
ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตายได้
ส่วนพยาธิใบไม้ปอด
คนและสัตว์ติดต่อโดยการบริโภคปูและกุ้งน้ำจืดแบบดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น
ปูน้ำตก ปูลำห้วย ปูป่า กุ้งฝอย ที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ปอดอยู่
เมื่อบริโภคสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิจะไชทะลุผนังลำไส้เล็กส่วนต้นออกสู่ช่องท้อง
ผ่านกระบังลม และเข้าฝังตัวในปอด ทำให้ปอดอักเสบ คนไข้จะมีอาการเจ็บหน้าอก
ไอเรื้อรังบางครั้งมีเลือดปนออกมากับเสมหะพยาธิอาจไชไปอยู่ที่อวัยวะอื่น เช่น ตับ
ลำไส้ กล้ามเนื้อ เยื่อบุช่องท้อง และสมอง เป็นต้น
ทำให้เกิดอาการผิดปกติของอวัยวะเหล่านั้น 5. พยาธิลำไส้แคปิลลาเรีย
เมื่อปลากินไข่พยาธิเข้าไปจะฟักเป็นตัวอ่อนในปลา เมื่อคนบริโภคพยาธิชนิดนี้
พยาธิจะฝังอยู่ที่ลำไส้ ทำให้สูญเสียหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร เกิดอาการท้องเสีย
อุจจาระมีกากมาก บางรายถ่ายเหลวนานนับเดือน คลื่นไส้
เบื่ออาหารและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
โฆษกกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า
สำหรับผู้ประกอบการ ร้านค้า รวมถึงผู้บริโภค
ควรบริโภคอาหารประเภทซาชิมิอย่างปลอดภัยโดยแช่แข็งที่อุณหภูมิ -35 องศาเซลเซียส นาน 15 ชั่วโมง
หรือ -20 องศาเซลเซียส นาน 7 วัน
ก่อนรับประทาน เพื่อทำให้พยาธิตาย และควรเลือกซื้อสัตว์น้ำจากแหล่งที่เชื่อถือได้
และมาจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (GAP)
จึงจะปลอดภัยกับผู้บริโภค ทั้งนี้
สามารถสอบถามข้อมูลการบริโภคสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอย่างปลอดภัย
ได้ที่กลุ่มวิจัยความปลอดภัยสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์
กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ โทรศัพท์ 0 2940 6130 – 45 ต่อ 4209 หรือทางอีเมล ftdd@fisheries.go.th