ดร.ภานุ พัฒนปณิธิพงศ์
สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ คณะศิลปกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยว่า 'กล้วยหอมทอง' เป็นสินค้าเกษตรของไทยที่ได้รับความนิยม
เป็นที่ต้องการของตลาด และแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในหลายพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค แต่ด้วย 'กล้วยหอมทอง' เป็นผลไม้เขตร้อน อายุการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์
ความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อม และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล
ล้วนส่งผลกระทบต่อผลผลิต ตกเกรด ไม่ได้มาตรฐาน และปัญหาอื่นๆ
ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เรื่องการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพสินค้า เกษตรกร ชุมชน จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดยสถาบันวิจัยและพัฒนา
จึงได้ลงพื้นที่ศึกษาสภาพสถานการณ์และศักยภาพการปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี
เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลูกใหม่ มีระบบนิเวศน์กับสภาพแวดล้อมที่ยังสมบูรณ์ ปัญหาแมลง
ต้นทุนค่าปุ๋ยและสารเคมีน้อย จึงทำให้ผลตอบแทนต่อไร่สูงกว่าพืชเดิมที่เคยปลูกมานาน
แต่มีการสะสมของโรค
"กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองบ้านโคก" อำเภอสร้างคอม
จังหวัดอุดรธานี
เป็นผู้นำเครือข่ายในพื้นที่ซึ่งมีศักยภาพด้านการผลิตและจำหน่ายกล้วยหอมทอง โดยมีพื้นที่ปลูก รวมกว่า 60 ไร่ 25,000 ต้น ผลผลิต300-500 ตัน ส่วนเหลือทิ้ง
4,000-6,000 ตัน/ไร่ ช่องทางการจำหน่ายหลัก คือ ตลาดในประเทศและต่างประเทศ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากร การผลิต การแปรรูป
การจัดจำหน่าย พบว่ายังมีข้อจำกัดหลายประการในการแข่งขันตั้งแต่ต้นน้ำ
กลางน้ำจนถึงปลายน้ำ และส่วนใหญ่จะละเลยการให้ความสำคัญและขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดการด้านการออกแบบสภาพแวดล้อมพื้นที่กิจกรรม
การจำหน่าย ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนมีภาพลักษณ์เป็นที่จดจำ
ช่วยเพิ่มมูลค่าและยกระดับสินค้า
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้บนพื้นฐานการนำทุนวัฒนธรรม
ภูมิปัญญาของชุมชนมาต่อยอดเพิ่มมูลค่า
ชุมชนมีความต้องการหาวิธีการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่ากล้วยตกเกรด
และของเหลือทิ้งจากการเก็บเกี่ยวหรือแปรรูป
องค์ความรู้ที่จะมาช่วยเสริมศักยภาพของชุมชนให้สามารถดำเนินการ
บริหารงานจัดการด้านการผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพ
สามารถจัดการให้เกิดมูลค่าและคุณค่ากับผลผลิตตกเกรดได้
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
โดยสถาบันวิจัยและพัฒนา จึงนำการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพร้อมใช้ ภายใต้แนวคิด BCG Model นำองค์ความรู้ด้านการแปรรูปของเหลือทิ้งจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตนำสู่วิธีการแปรรูปเป็นกระดาษกล้วยหอมทอง
ซึ่งต้นกล้วยสด 1,000 กิโลกรัม สามารถแปรรูปเป็นเยื่อกระดาษได้ 500 กิโลกรัม
ผลิตกระดาษได้ จำนวน 2,000-3,000 แผ่น สนนราคา 40-60 บาท/แผ่น
สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและกลุ่ม 80,000-150,000 บ./ไร่
"เรานำต้นกล้วยที่เป็นของเหลือทิ้งมาวิจัยพัฒนาโดยใช้ ลำต้น ก้าน
โคนใบ นำมาแปรรูปเป็นกระดาษด้วยวิธีการภูมิปัญญาชาวบ้าน แบบทำมือ หรือกึ่งแมสในระดับอุตสาหกรรมได้
แล้วต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์
โดยกระดาษตัวนี้จะใช้วัตถุดิบส่วนผสมที่เราได้คิดค้นพัฒนาขึ้นมาเป็น Food grade คือสามารถใช้กับอาหารได้ มีคุณสมบัติปลอดภัย
เนื่องด้วยการปลูกกล้วยของกลุ่มเป็นแบบออแกนิคอยู่แล้ว การผลิตจะไม่ใช้กลุ่มเคมีที่มีสารตกค้าง
เป็น Food grade ที่มีความปลอดภัยมาก โดยแนวคิดนี้จะถ่ายทอดให้กับกลุ่ม/ชุมชนต่อไปที่จะพร้อมยอมรับ
รวมทั้งนำไปขยายผลให้กับเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกล้วยหอมทองใน
จ.อุดรธานี ต่อไป" ดร.ภานุ กล่าว