“อ้อย”
เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของโลก สามารถปลูกได้ในทั่วทุกภูมิภาคกว่า 90 ประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตร้อนชื้น
เป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ
และมีการนำมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมพลาสติก
อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร อุตสาหกรรมเชื้อเพลิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมน้ำตาลที่นำมาใช้เพื่อบริโภคโดยตรงและเป็นสารปรุงแต่งรสในผลิตภัณฑ์ต่างๆในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ในประเทศไทยนั้น “อ้อย”
ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญในการผลิตน้ำตาล
จัดเป็นพืชที่มีศักยภาพสร้างรายได้ทั้งในและต่างประเทศ
จากข้อมูลรายงานปริมาณการส่งออกน้ำตาลของประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา (เมื่อเทียบกับในช่วงปี 2563 –
2564) พบว่า
มูลค่าการส่งออกน้ำตาลทรายได้ขยายตัวสูงถึง 120.1% และจากข้อมูลยังได้มีการคาดการณ์ว่า
มูลค่าการส่งออกน้ำตาลของประเทศไทยจะพุ่งสูงถึง 3.7
พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566 ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยจัดเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ลำดับที่ 4 ในเวทีโลก รองจากบราซิล อินเดีย และสหภาพยุโรป (อียู)
สามารถสร้างรายได้และอาชีพให้กับชาวเกษตรกรไร่อ้อยและชุมชนในพื้นที่เพาะปลูกได้เป็นอย่างดี
อ้อยหวานมีปริมาณน้ำตาล (CCS) สูง ยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอุตสาหกรรมน้ำตาล
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ดังนั้นเกษตรกรและโรงงานน้ำตาลจึงมักจะเลือกอ้อยที่แก่จัด
ครบอายุเก็บเกี่ยว เพื่อให้มีความหวานสูง และให้ได้ปริมาณน้ำตาลมากขึ้น
ตอบโจทย์ความต้องการน้ำตาลในตลาดโลกที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งนอกจากจะช่วยชดเชยผลผลิตอ้อยที่ลดลงจากภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นใน 2-3 ปีข้างหน้า ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับการปลูกอ้อยให้ได้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพนั้น
จะเริ่มตั้งแต่การเลือกพันธุ์อ้อยที่เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูก การปรับสภาพดิน
การใส่ปุ๋ยให้น้ำ กำจัดศัตรูพืช จนกระทั่งการเก็บเกี่ยวอ้อยในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เพื่อให้ได้อ้อยที่ให้น้ำตาลสูงและมีคุณภาพ
แต่ในปัจจุบันการปลูกอ้อยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การขาดแคลนน้ำ ทำให้อ้อยมีผลผลิตต่ำ
ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่อย่าง
“นวัตกรรมการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช (Plant Growth
Regulator) เพื่อช่วยเพิ่มน้ำตาลในอ้อย” (Smart Sugarcane
Ripener) ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้น
เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำตาล สามารถยกระดับมูลค่าอ้อยในอุตสาหกรรมน้ำตาล
รวมทั้งลดระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วยนวัตกรรมดังกล่าวเป็นฮอร์โมนพืชชนิด
Trinexapac-ethyl สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของอ้อย
กระตุ้นให้อ้อยสร้างความหวานสะสมน้ำตาลมากขึ้นโดยที่อ้อยตอยังคงเติบโตได้อย่างปกติ
ทั้งนี้ผลการทดลองจากนักวิชาการของบริษัทเทคโนโลยีเกษตรระดับโลก
“ซินเจนทา” พบว่า
พื้นที่เพาะปลูกอ้อยในประเทศบราซิลที่ใช้นวัตกรรมนี้ในช่วง 30-60 วันก่อนเก็บเกี่ยว พบว่าค่าความหวานของอ้อย (Commercial
Cane Sugar หรือค่า CCS เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 13-15) หรือปริมาณน้ำตาลในต้นอ้อยมากขึ้นอีกร้อยละ
20% จากปกติ
โดยที่น้ำหนักสดอ้อยยังคงเท่าเดิม
นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นจากค่า CCS ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังช่วยเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นราว 30-60 วัน สามารถวางแผนการตัดอ้อยให้เหมาะกับช่วงเวลาในการเข้าโรงงาน
ลดความแออัด และสะดวกต่อการจัดสรรเวลา
โดยปัจจุบันได้มีการนำนวัตกรรมนี้มาใช้ในหลายประเทศ อาทิ บราซิล แอฟริกาใต้
อเมริกา แคนาดา และนิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตาม
การใช้นวัตกรรมดังกล่าวควรพิจารณาและปฏิบัติตามกฎระเบียบ
รวมถึงมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อให้ผลผลิตที่ได้เป็นไปตามมาตรฐานอาหารและการผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป