วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2566 ณ
ห้องประชุมอานนท์ กรมประมงจัดงาน “วันสถาปนากรมประมง ครบรอบปีที่ 97” และ “วันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2566 โดยมี ร้อยเอกธรรมนัส
พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานฯ
และร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 1,200,000 ตัว ลงในแหล่งน้ำสำคัญของไทย 4 แห่ง
เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ พร้อมมอบโล่รางวัลแก่เกษตรดีเด่น ข้าราชการดีเด่น
และแสดงความยินดีกับกรมประมง ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศมากถึง 11 รางวัล เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานของกรมประมง
ตลอดจนเยี่ยมชมนิทรรศการ “97 ปี กรมประมง สร้าง เสริม เพิ่ม
ยก พัฒนา ประมงไทยก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างยั่งยืน” และร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของร้าน Fisheries
Shop
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์
อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า
กรมประมงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบริหารการเปลี่ยนแปลง
เพื่อนำไปสู่ภาคการประมงของประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน
โดยการพัฒนาการผลิตสัตว์น้ำและสินค้าประมงที่ได้มาตรฐาน
ตลอดจนป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดและยั่งยืน
สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร
ควบคู่ไปกับการสร้างอาชีพประมงให้เกิดวิถีความอยู่ดีมีสุขให้กับเกษตรกรชาวประมงและประชาชนมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ภาคการประมง สูงถึง 130,313 ล้านบาท
ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากปี 2564 และยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นผลจากการขับเคลื่อนภารกิจงานที่สำคัญ อาทิ
การใช้มาตรการและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการบริหารจัดการประมงที่เกี่ยวข้อง
การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อาทิ
โครงการยกระดับมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออก การพัฒนาเทคนิคการเลี้ยง
การพัฒนาสายพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อให้ได้ ลูกพันธุ์
ที่ต้านทานโรคและมีอัตราการรอดสูง ฯลฯ
ประกอบกับการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเล ส่งเสริม ติดตาม และแก้ไขปัญหาการเลี้ยงในแต่ละพื้นที่
การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงและลดต้นทุน นอกจากนี้
ยังมีการผลักดันการส่งเสริมการผลิตและแปรรูปสินค้าประมงที่มีคุณภาพ
ได้มาตรฐานสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและรองรับการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น
โดยกรมประมงได้ดำเนินโครงการ Fisherman Shop เพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเพื่อช่วยกระจายสินค้าสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวประมงและเกษตรกรโดยตรงถึงผู้บริโภค
จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน
ภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วน ส่งผลให้ในปีนี้ กรมประมงสามารถคว้ารางวัลเกียรติ
ได้มากถึง 11 รางวัล อาทิ (1) รางวัลแห่งคุณค่าองค์กรพัฒนาสร้างสรรค์สังคม (รางวัลชนะเลิศ Ombudsman
Awards) รางวัลเลิศรัฐ เช่น (2) รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
PMQA 4.0 / รางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม
เช่น (3) ธนาคารสัตว์น้ำลำปาง
ศูนย์กลางการขยายผลต้นแบบแหล่งผลิตสัตว์น้ำชุมชน (4) คุ้งกระเบนโมเดล
ต้นแบบการบูรณาการทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืน (5) ร่วมใจแก้จน
ขยายผลสาหร่ายพวงองุ่นสร้างรายได้เกษตรกรและชุมชน /
รางวัลเลิศรัฐสาขาการบริการภาครัฐ ได้แก่ (6) ขยายระบบการให้บริการการตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สู่เรือประมง
รางวัลสำเภา-นาวาทอง (รางวัลสุดยอดหน่วยงานรัฐด้านอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ) : (7)
ระบบตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำนำเข้า PPS (ระบบสนับสนุนใบอนุญาตและใบรับรองผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของกรมประมง
(Fisheries Single Window : FSW) ระบบการตรวจสอบตามมาตรการรัฐเจ้าของท่า
(Port State Measure : PSM) ระบบการออกหนังสือรับรองการแปรรูปสัตว์น้ำ
(Processing Statement Endorsement : PSE)
(8) การชำระค่าธรรมเนียม เท่ากับ ต่ออายุใบอนุญาต
(สำหรับวัตถุอันตรายที่กรมประมงรับผิดชอบ)
(9) ระบบการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน (Small
Scale Service : SSS) (10) ระบบเชื่อมโยงคำขอกลางและระบบสนับสนุนใบอนุญาตและใบรับรองผ่านอินเตอร์เน็ต
กรมประมง หรือ Fisheries Single Window (FSW) (11) การให้บริการในการออกใบรับรองสุขอนามัย
(Health Certificate) ผ่านระบบ e-Certification สำหรับสินค้าสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก
สำหรับการจัดงานสถาปนากรมประมง ครบรอบปีที่ 97 และวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2566
ที่จัดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ นอกจากจะมีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรม
ทำบุญเลี้ยงพระ และวางพวงมาลาถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนกแล้ว
ยังมีกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำออนไลน์ ลงแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สำคัญของไทย
4 แห่ง ได้แก่ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ กว๊านพะเยา
จังหวัดพะเยา หนองหาร
จังหวัดสกลนคร เขื่อนเชี่ยวหลาน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 1,200,000 ตัว
โดยสัตว์น้ำที่ปล่อยมีทั้งหมด 8 ชนิด ประกอบด้วย
ปลาตะพัด ปลาตะเพียนทอง ปลาตะเพียนขาว
ปลาบ้า ปลากระแห ปลาเทพา
ปลาสร้อยขาว และปลาหมอตาล นอกจากนี้
ยังมีพิธีการมอบโล่รางวัลให้กับผู้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการประมงไทย อาทิ
เกษตรกรดีเด่น ข้าราชการดีเด่น Ombudsman
Awards รางวัลเลิศรัฐ รางวัลสำเภา-นาวาทอง
รางวัลหน่วยงานที่พัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้
รางวัลงานวิจัยดีเด่น
รางวัลหน่วยงานกรมประมงที่มีแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) อาสาสมัครประมงดีเด่น
และการประกาศเกียรติคุณให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมประมงที่เกษียณอายุราชการ
เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกคน ตลอดจนการจัดแสดงนิทรรศการทางวิชาการ
และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประมงจากร้าน Fisherman Shop และก้าวต่อไป
กรมประมงจะยังคงบูรณาการขับเคลื่อนและยกระดับภาคการประมงไทยให้สามารถแข็งขัน
ได้ในระดับสากลและใช้ทรัพยากรอย่างสมดุลยั่งยืนควบคู่ไปกับความกินดีอยู่ดีของพี่น้องเกษตรกรชาวประมง
ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”
ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า) ด้วยกลยุทธ์ สร้างสมดุลการประมงที่รักษ์สิ่งแวดล้อมให้ได้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง
มุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรและปัจจัยการผลิตเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า
เสริมความมั่งคั่งให้เกษตรกรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เพิ่มผลผลิตและมูลค่า
เพิ่มรายได้จากอัตราการขยายตัวของมูลค่าสินค้าประมง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยสินค้าดี
มีคุณภาพ ปลอดภัย และหลากหลาย
ส่งเสริมผู้ประกอบการและเกษตรกรให้ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร
เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ยกระดับการประมงไทยด้วยงานวิจัยและพัฒนา
พร้อมตอบสนองเป้าหมายการพัฒนารที่ยั่งยืน มุ่งเน้นเกษตรกรรมยั่งยืน พัฒนา
กำลังคนและการดำเนินงานของรัฐให้ทัดเทียมสากลจนเกิดการยอมรับในระดับนานาชาติ
มุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการของรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนภาคการประมงของไทยเพื่อให้เกษตรกรชาวประมงและประชาชนในประเทศได้มีทรัพยากรสัตว์น้ำไว้ใช้อย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการประกอบอาชีพประมงที่ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น...อธิบดีกรมประมงกล่าว