นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า
ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งแล้ว (1 พ.ย. 66 - 30 เม.ย.
67) และจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ(climate change)
และคาดการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญ
อาจส่งผลให้ในบางพื้นที่จะประสบกับสภาวะขาดแคลนน้ำและปริมาณน้ำต้นทุนอาจจะมีไม่เพียงพอให้ใช้ในระยะยาว
โดยช่วงฤดูแล้งนี้ได้มีการประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำการเกษตรนอกเขตชลประทาน
จำนวน 924,438 ไร่ ใน 13 จังหวัด 35 อำเภอ 76 ตำบล
ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการวางแผน
และติดตามการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร
ได้มีมติเห็นชอบแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง นโยบาย และมาตรการการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง
ปี 2566/67 ซึ่งกำหนดให้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำแบบยั่งยืน
โดยจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ
เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำทุกกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
เห็นควรให้จัดสรรน้ำตามระบบรอบเวร
หรือกำหนดวิธีการเพาะปลูกที่ประหยัดให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอ
สำหรับการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การอุตสาหกรรม
และการเพาะปลูกพืชต้นฤดูฝนปีถัดไปรวมทั้งได้มีการวางแผนการจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ
ตามลำดับความสำคัญ ดังนี้ 1) เพื่อการอุปโภค-บริโภค และการประปา 2)
เพื่อการรักษาระบบนิเวศทางน้ำ เช่น การผลักดันน้ำเค็ม การขับไล่น้ำเสีย
บรรเทาสาธารณภัย จารีตประเพณีและคมนาคม เป็นต้น 3)
เพื่อสำรองน้ำไว้สำหรับการใช้น้ำในช่วงต้นฤดูฝน
สำหรับอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศ ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม2567 4)
เพื่อการเกษตร 5) เพื่อการอุตสาหกรรม และ 6) เพื่อการพาณิชยกรรมและการท่องเที่ยว
และด้านการเกษตร
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า
กรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2566/67
ตามปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ
และความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชได้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่
ดังนี้ แผนการพื้นที่การเพาะปลูกทั้งประเทศ จำนวน 10.66 ล้านไร่ แบ่งเป็น
ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 8.13 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 5.80 ล้านไร่นอกเขตชลประทาน 2.33
ล้านไร่) พืชไร่พืชผัก จำนวน2.53 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 0.57 ล้านไร่
นอกเขตชลประทาน 1.96 ล้านไร่) สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด จำนวน 4.90
ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 4.20 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 3.03
ล้านไร่นอกเขตชลประทาน 1.17 ล้านไร่) พืชไร่พืชผัก จำนวน0.70 ล้านไร่
(ในเขตชลประทาน 0.13 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 0.57 ล้านไร่) และลุ่มน้ำแม่กลอง 7
จังหวัด จำนวน 1.13 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 0.86 ล้านไร่
(ในเขตชลประทาน 0.84 ล้านไร่นอกเขตชลประทาน 0.02 ล้านไร่) พืชไร่พืชผัก จำนวน0.27
ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 0.17 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 0.10 ล้านไร่)
สำหรับการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
เนื่องจากในบางพื้นที่มีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำค่อนข้างน้อย
จึงมีความจำเป็นต้องงดการจัดสรรน้ำในการเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 ในช่วงฤดูแล้ง ปี
2566/67ได้แก่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ เขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง
เขื่อนแม่มอก จังหวัดสุโขทัย เขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา เขื่อนมูลบน
จังหวัดนครราชสีมา เขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เขื่อนทับเสลา
จังหวัดอุทัยธานี เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี เขื่อนประแสร์
จังหวัดระยอง เขื่อนแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรี และเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอแนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อย
ควรมีให้ความสำคัญกับการปฏิบัติดูแลรักษาพืชในช่วงฤดูแล้งที่ถูกต้องการรักษาความชื้น
และลดการเผาตอซัง หรือเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐ เช่น
โครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร
กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี
2567 เป็นต้น
เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรในการปลูกพืชอื่นทดแทนการปลูกข้าวรอบที่ 2