นางอังคณา พุทธศรี
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7)
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
กรณีศึกษาฟางข้าวปี 2566 ในพื้นที่ 8
จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ลพบุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา
กรุงเทพมหานคร และปทุมธานี โดยมีปริมาณฟางข้าว รวม 2.48
ล้านตัน ซึ่งฟางข้าวนับเป็นวัดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่สำคัญและมีปริมาณมาก
สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงช่วยลดต้นทุนทางการเกษตร ตามแนวทาง BCG
Model (Bio Circular Green Economy) ที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน
สศท.7
ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลการบริหารจัดการฟางข้าวและปัจจัยสภาพแวดล้อมเพื่อจัดทำกลยุทธ์ในการพัฒนาการบริหารจัดการฟางข้าว
ในพื้นที่ 8 จังหวัด เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2566 โดยเก็บข้อมูลจาก 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
เกษตรกรสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ ผู้ประกอบการแปรรูป/ผู้รวบรวมของแต่ละจังหวัด
และผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าว รวม 235 ราย
และได้มีการจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อนำเสนอผลการศึกษาวิจัยเบื้องต้น
เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ
ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการฟางข้าวในระดับพื้นที่
รวมถึงเกษตรกร และตัวแทนจากกลุ่มแปลงใหญ่ที่มีการบริหารจัดการฟางข้าว รวมถึงผู้รวบรวมฟางข้าว
และผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าวในพื้นที่ ได้ร่วมกันระดมความคิดเห็น (Focus
Group) และหาแนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการฟางข้าว
สำหรับการใช้ประโยชน์และการเพิ่มมูลค่าจากฟางข้าวในพื้นที่
8 จังหวัด พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ้างอัดก้อนฟางข้าวเพื่อจำหน่าย
ร้อยละ 83.17 และเก็บฟางข้าวที่อัดก้อนไว้ใช้ประโยชน์เอง
ร้อยละ 16.83 โดยเกษตรกรที่จำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยรายละ
278.19 บาท/ไร่/รอบการผลิต กลุ่มแปลงใหญ่ข้าว
ให้บริการอัดก้อนฟางข้าว และรับซื้อฟางข้าวอัดก้อนจากเกษตรกร
เพื่อจำหน่ายต่อให้ผู้ใช้ประโยชน์ หรือผู้ประกอบการแปรรูปในพื้นที่ 8 จังหวัดร้อยละ 61.01
จำหน่ายให้กับผู้ใช้ประโยชน์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 33.83 และภาคใต้ ร้อยละ 5.16
ผู้ประกอบการแปรรูป/ผู้รวบรวมฟางข้าว รับซื้อฟางอัดก้อนจากเกษตรกรในพื้นที่
ทั้งในลักษณะเหมาไร่ ราคา 80 - 150 บาท/ไร่
หรือจ่ายให้เกษตรกร ตามจำนวนก้อนที่อัดได้ ราคาก้อนละ 5 - 12
บาท/ก้อน โดยจำหน่ายไปยังผู้ใช้ประโยชน์โดยตรง หรือผ่านผู้รวบรวมด้วยกันต่อไป
และผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าว ส่วนใหญ่จะนำฟางอัดก้อนไปเลี้ยงปศุสัตว์
ใช้ร่วมกับพืชอาหารสัตว์ หรืออาหาร TMRสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าอาหารสัตว์
โคเนื้อและกระบือเฉลี่ย 9.95 บาท/ตัว/วัน (ลดลงร้อยละ 36)
และโคนมเฉลี่ย 31.91 บาท/ตัว/วัน (ลดลงร้อยละ 78)
, นำไปเป็นวัสดุคลุมดินทดแทนพลาสติกสำหรับคลุมแปลงปลูกพืชผัก
หรือไม้ผล สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,299.55
บาท/ไร่/รอบการผลิต (ลดลงร้อยละ 51) , นำไปเป็นอาหารปลาในรูปแบบคอนโดอาหารปลาหรือแซนวิชอาหารปลา
เพื่อให้เกิดไรแดง หนอนแดง หรือแพงก์ตอน
จะช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าอาหารปลาสำเร็จรูปได้เฉลี่ย 834.96
บาท/บ่อ/รอบการผลิต (ลดลงร้อยละ 58) , นำไปใช้เป็นปุ๋ยหมักในนาข้าวและแปลงผักทดแทนปุ๋ยเคมี
สามารถ ลดค่าใช้จ่ายได้เฉลี่ย 482.28 บาท/ไร่/รอบการผลิต
(ลดลงร้อยละ 70) และหากนำฟางอัดก้อนไปแปรรูปเป็นถุงกระดาษใส่ของ
กระถางต้นไม้ย่อยสลายได้ แผงไข่ ปอกสวมแก้ว ที่รองแก้ว
สามารถสร้างรายได้เพิ่มเฉลี่ย 632.44 บาท/ก้อน
ด้านแนวทางในการพัฒนาการบริหารจัดการฟางข้าวในพื้นที่
8 จังหวัด เกษตรกรควรมีการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาต่อยอดการบริหารจัดการฟางข้าว
ใช้พื้นที่รวมกันในการเก็บรวบรวมและจำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองในเรื่องราคา
อีกทั้ง
ควรเพิ่มช่องทางการจำหน่ายแบบออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ควรพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปฟางข้าวให้มีความหลากหลายและได้คุณภาพตรงกับความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์
ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการสร้างเกษตรกรต้นแบบผู้ใช้ประโยชน์จากฟางข้าวพร้อมสร้างมาตรการจูงใจ
และขยายผลสู่เกษตรกรที่สนใจ อีกทั้ง
จัดทำฐานข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิตฟางข้าว กับผู้ใช้ประโยชน์โดยตรง
ทั้งนี้
ผลการสำรวจและผลการระดมความคิดเห็นดังกล่าว สศท.7
ได้นำข้อมูลไปประกอบการวิเคราะห์ และจัดทำงานวิจัย เรื่องการจัดการโซ่อุปทาน
และแนวทางการบริหารจัดการ
เพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรกรณีศึกษาฟางข้าว
ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการพิจารณาโครงการวิจัยและประเมิน สศก.
เพื่อขอความเห็นชอบ และจะเผยแพร่งานวิจัยฉบับสมบูรณ์ทาง www.oae.go.th และ www.zone7.oae.go.th ในช่วงปี 2567 โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร และผู้ประกอบการ
รวมถึงผู้ที่สนใจสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์และวางแผนการบริหารจัดการฟางข้าวต่อไป
หากท่านใดสนใจข้อมูลเชิงลึกของงานวิจัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.7 โทร 0 5640 5005 หรืออีเมล zone7@oae.go.th