นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ (สศท.1)
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า
จังหวัดเชียงใหม่นับเป็นแหล่งผลิตส้มเขียวหวานอันดับ 1
ของภาคเหนือ จากข้อมูลของ สศก. ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 พบว่า
มีเนื้อที่ยืนต้น 38,443 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 36,528 ไร่ ผลผลิตรวม 122,315 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 3,349 กิโลกรัม/ไร่ กิโลกรัม/ไร่ แหล่งปลูกสำคัญอยู่ที่ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย
และอำเภอไชยปราการ พันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุดร้อยละ 99 คือ “พันธุ์สายน้ำผึ้ง” เนื่องจากมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว
ชานในนิ่มเหมาะกับการรับประทานผลสดและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยปีนี้
ผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567
และจะออกมากที่สุดในเดือนธันวาคม 2566 ประมาณ 48,437 ตัน ของผลผลิตทั้งจังหวัด หรือคิดเป็นร้อยละ 40
ด้านสถานการณ์ราคาส้มสายน้ำผึ้งจังหวัดเชียงใหม่
ปี 2566 ในช่วงที่ผลิตออกสู่ตลาด พบว่า ราคาที่เกษตรกรขายได้
ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 แบ่งเป็น 5 เกรด ได้แก่ ส้มเบอร์ 6 ราคา 35 บาท /กิโลกรัม , ส้มเบอร์ 5
ราคา 25 บาท/กิโลกรัม , ส้มเบอร์ 4 ราคา 20 บาท/กิโลกรัม , ส้มเบอร์
3 ราคา 15 บาท/กิโลกรัม และส้มเบอร์ 2 ราคา 10 บาท/กิโลกรัม ด้านสถานการณ์ตลาด พบว่า
ผลผลิตส้มสายน้ำผึ้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ 71
ส่งจำหน่ายภายนอกจังหวัด และร้อยละ 29 จำหน่ายภายในจังหวัด
สำหรับการบริหารจัดการผลผลิตส้มสายน้ำผึ้งของจังหวัดเชียงใหม่
ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
จะอยู่ภายใต้กลไกการทำงานของคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกร
อันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาผลไม้
และป้องกันไม่ให้เกษตรกรถูกกดราคา
การเตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด อาทิ
การจำหน่ายส้มสายน้ำผึ้งเพื่อบริโภคสดในประเทศ
โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่าน Modern Trade เครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน
และการส่งเสริมให้เกษตรกรขายผ่านช่องทางออนไลน์
ทั้งนี้
จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการขับเคลื่อนผ่านโครงการส่งเสริมการผลิตแบบแปลงใหญ่
ภายใต้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีเกษตรกรรวมกลุ่มแปลงใหญ่ จำนวน 1 แปลง คือ กลุ่มแปลงใหญ่ส้มสายน้ำผึ้ง ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง
โดยมีนายคเณช หน่อราช เป็นประธานแปลง
นับเป็นแปลงใหญ่ที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้
การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลผลิต การส่งเสริมเรื่องการบริหารจัดการกลุ่ม
และเรื่องการตลาด รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้แปลงเพาะปลูกส้มสายน้ำผึ้งของเกษตรกรได้รับมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
(GAP) ซึ่งปัจจุบันมีแปลงที่ได้รับมาตรฐาน GAP จำนวน 80 แปลง รวมเนื้อที่ 3,827 ไร่
รวมถึงยังได้ผลักดันให้ส้มสายน้ำผึ้งเป็นสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
(GI) ของจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา คาดว่าจะได้รับ GI
ประมาณเดือนธันวาคม 2566
“ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
ผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว ขอเชิญชวนผู้บริโภคทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตส้มสายน้ำผึ้งของเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ที่มีเอกลักษณ์กว่าส้มที่อื่น
รสชาติหวานอมเปรี้ยว ผิวส้มสีทอง เปลือกบางปอกง่าย
จะบริโภคเองหรือซื้อเป็นของฝากก็ถูกใจผู้รับอย่างแน่นอน
และที่สำคัญยังเป็นการสร้างกำลังใจแก่พี่น้องเกษตรกรให้ผลิตส้มสายน้ำผึ้งที่มีคุณภาพต่อไป
หากท่านที่สนใจข้อมูลสถานการณ์การผลิตส้มสายน้ำผึ้งของจังหวัดเชียงใหม่
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.1 โทร 0 5312 1318 หรืออีเมล์ zone1@oae.go.th” ผู้อำนวยการ สศท.1 กล่าวทิ้งท้าย