สาระดีดีนิวส์ไทม์

กรมการข้าวสุดเจ๋ง เดินหน้าเพิ่มมูลค่าข้าวไทย เร่งวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวเพื่อผลิตเป็นน้ำหอมเป็นครั้งแรกของโลก


 

กรมการข้าวไอเดียสุดเจ๋ง จับมือ2 เอกชนยักษ์ใหญ่ด้านผู้นำผลิตสินค้าเวชสำอางค และอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับประเทศ   เฟ้นหาอัตลักษณ์สายพันธุ์ข้าวไทยจาก3หมื่นชนิดทั่วประเทศ มาทดลองปลูกเพื่อผลิตเป็นน้ำหอมและสินค้าเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ ที่ใช้วัตถุดิบหลักที่ทำจากข้าว เพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศและเพิ่มมูลค่าข้าวไทยให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต 



นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบาย “ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ตลอดจนมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างการผลิตในภาคเกษตรไปสู่สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง  กรมการข้าว จึงเล็งเห็นความสำคัญและได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ระหว่าง บริษัท ปุริ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านเครื่องสำอางคของไทย และบริษัทไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด (TSI) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำเบอร์ต้นๆ ด้านอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มทั้งที่เป็นแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์” หรือ "Non-Alcoholic"  ที่มีแบรนด์อยู่ในมือกว่า 200 แบรนด์จากหลากหลายประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวและจากวัสดุเหลือใช้จากการผลิตและการแปรรูปข้าว ให้เกิดการขยายผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์  เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเน้นการจับมือกับภาคเอกชนที่มีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในตลาดทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งหากการวิจัยและพัฒนาในครั้งนี้สำเร็จ ถือเป็นการสนองนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย    เพราะความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการหาอัตลักษณ์ข้าวของไทยเพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย  โดยนำนวัตกรรมสมัยใหม่ของภาคเอกชนมาผนึกกำลังในการวิจัยและพัฒนาร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด



วัตถุประสงค์ในการทำMOU ครั้งนี้ เพื่อสร้างมูลค่าข้าวเพิ่มให้ชาวนา ด้วยการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้เหมาะสมในการทำเวชสำอางคและเครื่องดื่มเพื่อการบริโภคของคนในประเทศและตลาดโลก   ซึ่งปัจจุบันกรมการข้าวมีสายพันธุ์ข้าวประมาณ 30,000 สายพันธุ์ เก็บอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ (ศขช.) หรือ ธนาคารเชื้อพันธุ์ข้าว (Gene Bank) ตั้งอยู่ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี  ขั้นตอนต่อไปกรมการข้าวจะทำการคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะที่สุดมาทดลองปลูกในแปลงข้าวของสถานีวิจัยทั่วประเทศ 28 แห่งคาดว่าจะใช้เวลาในการปลูก100-105 วันก็จะมีผลผลิตออกมา  โดยเบื้องต้นจะเลือกสายพันธุ์ที่ไม่ไวต่อช่วงแสง เพื่อเริ่มงานได้ทันที ส่วนสายพันธุ์ที่ไวต่อช่วงแสงจะเริ่มทำช่วงข้าวนาปีฤดูกาล 2567 หลังจากคัดเลือกได้แล้วว่าสายพันธุ์ไหนเหมาะสมสุดก็จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกต่อไป” นายณัฏฐกิตติ์ กล่าว



ด้านนายอานนท์ นนทรี รองอธิบดีกรมการข้าวในฐานะหัวหน้าทีมโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "กรมการข้าวได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญในการนำข้าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปต่อยอดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้พี่น้องชาวนา​ โดยทางบริษัท​ ปุริ​ จำกัด​ เป็นบริษัทแบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกด้านการผลิตเครื่อง​หอม​ เครื่องสำอางค แและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่เป็นออร์แกนิค​ 100​% ซึ่ง​ ทางกรมการข้าวมีแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์​​ 2​ รูปแบบ​ คือ​ Scented Rice​ (การสกัดกลิ่นจากข้าว) เพื่อนำไปผลิตเป็นเครื่องหอม​ เทียนหอม​ ก้านหอม​ และ​ Rice​ Microbiome สารสกัดเพื่อบำรุง​ (sensitive skin) เพื่อผลิตเป็นเครื่องสำอางค นอกจากนี้ ในส่วนของทางบริษัท​ ไทย​ สพิริ​ท​ อินดัสทรี​ (TSI)​ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ที่มีศักยภาพสูงในเรื่องการควบคุมคุณภาพการผลิต การออกแบบ packaging และการเชื่อมตลาดทั้งในและต่างประเทศ แบบครบวงจร จะมาช่วยวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดต่างๆ ที่ทำจากข้าว ต่อยอดในรายสินค้าที่ทำอยู่แล้ว รวมทั้งสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่เลย ที่เน้นใช้ข้าวเฉพาะที่เป็นอัตลักษณ์ในพื้นถิ่น เพื่อยกระดับสู่เชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต"



ด้านนายวรวิทย์ ศิริพากย์ กรรมการบริหาร บริษัท ปุริ จำกัด  กล่าวว่า การ MOU ในครั้งนี้ เพื่อการร่วมพัฒนาและค้นหาสายพันธุ์ข้าวที่หอมที่สุดในประเทศไทย โดยจะเน้นวิจัยในทุกส่วนของต้นข้าวในทุกมิติ ซึ่งอาจไม่ได้วิจัยเฉพาะ เมล็ดข้าว แต่รวมถึงส่วนอื่นๆ เช่น ต้นข้าว รวงข้าว ใบข้าว ทั้งส่วนที่ติดพื้นดินหรือในน้ำ รวมทั้งในแต่ละช่วงเวลา เช่นตอนข้าวออกรวง  หรือตอนการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ข้าวมีกลิ่นที่แตกต่างกัน โดยมีเป้าหมายคัดเลือกจากข้าว 3หมื่นสายพันธุ์ของกรมการข้าว ที่มีอยู่เพื่อคัดสายพันธ์ุที่หอมที่สุดมาแปรรูปเป็นน้ำหอมข้าว โปรเจคแรก คือการพัฒนาน้ำหอมกลิ่นข้าวถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและอาจเป็นครั้งแรกของโลก เรื่องที่ 2 จะเป็นโครงการหาสารสกัดเพื่อทำเครื่องสำอางคและเครืองประทินผิวและสุขภาพจะทำไปพร้อมกันๆ ทั้ง 2 โปรเจค เชื่อว่าหากทำสำเร็จออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว จะเป็นการเพิ่มมูลค่าของข้าวไทยแบบก้าวกระโดด สร้างอัตลักษณ์และความมีชื่อเสียงของประเทศไทยไปทั่วโลก

ส่วนนายกณพ ปรารถนาดี กรรมการบริหาร บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด  กล่าวว่าการนำข้าวมาผลิตเป็นสินค้าแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์” หรือ "Non-Alcoholic" โดยที่ผ่านมาในสายการผลิต บริษัทฯ จะใช้วัตถุดิบหลักคือ ข้าวบาร์เลย์กับฮอป มาเป็นสารตั้งต้นหลักในการผลิต ในอัตราส่วนที่มาก ซึ่งต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศในปริมาณที่สูง  ซึ่งต่อจากนี้เมื่อมีการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน ทางบริษัทมีแผนจะปรับใช้หรือเน้นการใช้ข้าวไทยเข้ามาเป็นส่วนผสมหลักให้มากขึ้น  จากเดิมจะใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบในการผลิตประมาณ 20-30% หากการวิจัยครั้งนี้ได้ผล ก็จะเพิ่มเป็น 70-80 % เพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบที่ผลิตจากต่างประเทศ  แล้วหันมาอุดหนุนใช้ข้าวของเกษตรกรไทย นอกจากนี้ ทางบริษัทตั้งเป้าในการร่วมพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ทำจากข้าวที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งที่จะสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ให้มีคุณภาพสูงขึ้น มีความหลากหลาย รสชาติดียิ่งขึ้น รูปลักษณ์แพคเกจจิ้งสวยงาม ให้เป็นที่สนใจและตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งหากทำสำเร็จ จะเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทย ให้เป็นที่รู้จักในตลาดเครื่องดื่มทั้งในประเทศและทั่วโลก

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า
สาระดีดีนิวส์ไทม์
สาระดีดีนิวส์ไทม์
สาระดีดีนิวส์ไทม์