อดีตภูเขาหัวโล้นป่าถูกบุกรุกจากการทำไร่เลื่อนลอย
ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของชาวบ้าน
แต่หลังจากกรมส่งเสริมสหกรณ์โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน)และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ได้จัดตั้งกลุ่มเตรียมสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงให้กับชุมชนบ้านหนองเขียว
ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเฉพาะพื้นที่บ้านหนองเขียวและกลุ่มบ้านบริวาร
ทำให้บ้านหนองเขียววันนี้เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว
มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านมีรายได้จากการปลูกพืชผัก สมุนไพรและไม้ผล
โดยพืชที่ส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกแทนการทำไร่เลื่อนลอย อาทิ เสาวรส อะโวคาโด
กาแฟและพืชไร่คือ ถั่วลายเสือ
โดยมีสำนักงานสหกรณ์จังหวัดดูแลเรื่องตลาด
พร้อมเสริมองค์ความรู้เรื่องสหกรณ์แก่ชาวบ้านเพื่อจะได้รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ในอนาคต
“ตอนนี้เริ่มมีการปลูกข้าวโพดเพิ่มขึ้น เราต้องรีบไปแก้ไข
เนื่องจากการปลูกข้าวโพดเป็นการบุกรุกทำลายป่าอยู่แล้ว
อีกส่วนหนึ่งก็คือเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดเรียบร้อยก็จะมีการเผา
ซึ่งเป็นต้นเหตุของฝุ่นควัน”
นายบรมัตถ์ ทิพกนก
ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจการสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
กล่าวถึงกลุ่มเตรียมสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงบ้านหนองเขียว
ซึ่งเป็นโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเฉพาะพื้นที่บ้านหนองเขียวและกลุ่มบ้านบริการ
ที่ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU)กับสำนักงานวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน)ได้เข้าไปพัฒนาความยากจนของประชาชน
โดยมีเป้าหมายสำคัญอันได้แก่ ลดพื้นที่การบุกรุกทำลายป่า ลดการเผา
สร้างความมั่นใจด้านอาหารให้กับคนแม่ฮ่องสอนและยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ล่าสุดทางสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงและหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯได้เข้าไปพัฒนาอาชีพสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
มีการส่งเสริมให้ปลูกพืชผักในโรงเรือน และไม้ผล ได้แก่ อะโวคาโด เสาวรส และพืชกาแฟ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้เป็นอย่างดี
“การลดพื้นที่เผาโดยการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกเสาวรสและอะโวคาโดเพื่อไปทดแทนการปลูกข้าวโพดมันทำให้เขาเผาไม่ได้
ถ้าเขาจะเผา มันจะพังทั้งหมดเพราะในแปลงปลูกมีการวางท่อระบบน้ำไว้หมด ในส่วนพื้นที่แปลงปลูกกาแฟอันนี้ก็ไม่สามารถเผาได้”
นายบรมัตถ์ยังกล่าวถึงการเพิ่มรายได้เสริมให้กับชาวบ้าน
โดยใช้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการฯปลูกผักในโรงเรือน
จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการจำนวน
28 ราย และกำลังขยายผลไปสู่พื้นที่กลุ่มบ้านบริวารต่อไปในอนาคต โดยกลุ่มเตรียมสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงบ้านหนองเขียวนั้นได้ถอดองค์ความรู้ทั้งหมดจากโครงการหลวงและพื้นที่อื่น ๆ
โดยเฉพาะโครงการฯบ้านห้วยน้ำใส ต.สบเมย อ.สบเมย โครงการฯบ้านดอยผักกูด ต.เวียงเหนือ อ.ปาย
จะมาใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาโครงการฯบ้านหนองเขียวด้วย
“โครงการฯนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายนปี
2566 ตอนนี้คืนรายได้ให้เกษตรกรกว่า 1.6 แสนบาทแล้ว ผลผลิตหลักของที่นี่มีอะโวคาโด
ถั่วลายเสือ ส่งขายตลาดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ ตั้งเป้าไว้อีก 5
ปีจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์ได้ ตอนนี้มีการอบรมองค์ความรู้เกี่ยวกับสหกรณ์ การรวมกลุ่ม
การมีวินัยทางการเงินโดยสอนออมเงินในกระบอกไม้ไผ่
ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองนโยบายท่านอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการจัดตั้งสหกรณ์ที่มีคุณภาพ”ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจการสหกรณ์
สำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนกล่าว
ปัจจุบันจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีทั้งหมด
41 สหกรณ์ มีสหกรณ์ครบทั้ง 7 ประเภท
โดยแต่ละสหกรณ์จะกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์เป็นหลัก
เพื่อนำมาดำเนินธุรกิจและช่วยเหลือดูแลสมาชิก
ส่วนการพัฒนาอาชีพของโครงการหลวงก็จะมีอยู่ทั้งหมด 4
สหกรณ์ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สะเรียงและอำเภอแม่ลาน้อยจะมีการส่งเสริมการปลูกพืชผักในโรงเรือนพลาสติกและไม้ผลเมืองหนาว
เป็นหลัก “สหกรณ์ที่อยู่ในโครงการหลวงทั้ง 4 แห่งนั้นไม่มีปัญหาเรื่องตลาด โครงการหลวงเขาดูแลอยู่แล้ว
และส่งให้ดอยคำ ส่วนของเราจะต้องหาตลาดเอง
โดยตลาดหลักอยู่เชียงใหม่ บางส่วนก็อยู่ในแม่ฮ่องสอน”
นายบรมัตถ์ย้ำด้วยว่า
สำหรับกิจกรรมที่สำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนให้กับชาวบ้านในการเตรียมจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์
อาทิ การทำปุ๋ยหมักจากซังข้าวโพด
โดยไม่เผาแต่เอามาเป็นวัตถุดิบในการทำปุ๋ย
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้สมาชิกเปิดพื้นที่เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
เนื่องจากบ้านหนองเขียวมีจุดเด่น
ในเรื่องสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมด้านการท่องเที่ยวและมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า
1,400 เมตร ซึ่งอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี
นอกจากนี้
การรักษาวิถีดั้งเดิมของชุมชนคือการเอามื้อสามัคคี เป็นการมาร่วมแรงกัน เช่น
การเพาะกล้า การเก็บเกี่ยวผลผลิต เขาจะช่วยกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าแรงงานลงได้
โดยเรื่องตลาด ทางสหกรณ์ฯจะเป็นคนดูแลให้ทั้งหมด
โดยประสานภาคีเครือข่ายสหกรณ์ด้วยกันเอง
และบริษัทผู้ประกอบการทั้งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและต่างพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีหอการค้าแม่ฮ่องสอนและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด
ที่ช่วยประสานผู้ประกอบการจากส่วนกลางอีกทางมารับซื้อผลผลิตจากกลุ่มชาวบ้านหนองเขียวอีกด้วย
การสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือจากชาวบ้านไม่ไปบุกรุกทำลายป่า
และลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเพื่อไม่ให้มีการเผาตอซังหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต
โดยหันมาปลูกเสารสและอะโวคาโดเพื่อสร้างรายได้ทดแทน
นับเป็นอีกความสำเร็จของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนในการจัดตั้งกลุ่มเตรียมสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงให้กับชุมชนบ้านหนองเขียวและกลุ่มบ้านบริวาร
ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนและการพัฒนาอาชีพ ตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์