สหกรณ์การเกษตรป่าแดด จำกัด
หนุนสมาชิกปลูก”มะเขือพวง”เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ในครัวเรือน
โดยใช้พื้นที่ริมรั้วข้างบ้านและหัวไร่ปลายนา
หลังได้รับตอบรับจากสมาชิกสนใจคับคั่ง เริ่มเฟสแรกปีที่แล้ว(2566)
มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 60 ราย ก่อนขยายต่อเฟสสองในปีนี้(2567)
มีสมาชิกสนใจเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 200 ราย
คาดว่าจะได้รับความสนใจจากสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รายได้เฉลี่ย 800-1,500
บาทต่อสัปดาห์
นายนิติภัทธ์ จักรมูล
ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรป่าแดด จำกัด เปิดเผยว่าสหกรณ์ฯป่าแดด ก่อตั้งมากว่า
50 ปีแล้ว ปัจจุบันมีสมาชิก 2,500 ราย ครอบคลุมพื้นที่ใน 5 ตำบลของอ.ป่าแดด
จ.เชียงราย ประกอบด้วย ต.ป่าแดด ต.ป่าแงะ ต.สันมะค่า ต.โรงช้างและต.ศรีโพธิเงิน
สมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว รองลงมาทำสวนลำไย
ไร่ข้าวโพดและปลูกมันสำปะหลัง รายได้ขึ้นอยูกับอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว
หากปีใดราคาผลผลิตตกต่ำหรือเกิดภัยธรรมชาติ
ทำให้ผลผลิตเสียหายก็จะส่งผลให้รายได้ไม่คุ้มทุน สมาชิกก็เป็นหนี้เป็นสิน บางรายก็หาวิธีกู้เงินนอกมาใช้หนี้
เนื่องจากกู้สหกรณ์ไว้เต็มวงเงิน
คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรหาวิธีเพิ่มรายได้ให้สมาชิกด้วยอาชีพเสริม
ที่เป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์ โดยไม่หวังพึ่งพารายได้จากอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว
จากนั้นคณะกรรมการฯได้ร่วมหารือกันก็มองว่ามะเขือพวงน่าจะเป็นพืชทางเลือกดีที่สุด
โดยปลูกเป็นอาชีพเสริม
เนื่องจากสมาชิกก็มีปลูกกันเกือบทุกบ้านตามริมรั้วข้างบ้าน
ตามหัวไร่ปลายนาอยู่แล้ว จึงได้ต่อยอดสนับสนุนให้สมาชิกปลูกมะเขือพวงเพิ่มตามศักยภาพของแต่ละราย
ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพเสริมปลูกมะเขือพวง เพราะเป็นพืชผักที่ปลูกง่าย ทนแล้ง
ไม่มีปัญหาโรคและแมลง เก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน
และที่สำคัญเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการสูงมาก
เนื่องจากสามารถนำมาประกอบเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู
“เราส่งเสริมให้สมาชิกปลูกมะเขือพวงมาได้ 2
ปีแล้ว ปีแรกเป็นโครงการนำร่องมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 60 กว่าราย
เมื่อเห็นว่าไปได้ดีมาปีนี้มีสมาชิกให้ความสนใจเพิ่มขึ้นเป็น 200 กว่าราย ทางสหกรณ์ฯจะแจกเมล็ดพันธุ์และดูแลเรื่องตลาดให้ทั้งหมด
โดยจะรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกในราคาประกัน กิโลกรัมละ 13 บาท
เพื่อรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกสัปดาห์ละ 2
วันให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อและสหกรณ์ในเครือข่ายในจังหวัดเชียงรายและใกล้เคียง รวมทั้งคำสั่งซื้อทางออนไลน์
สมาชิกก็จะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 800-1,500 บาทต่อสัปดาห์ อย่างน้อยรายได้ส่วนนี้ก็นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี”นายนิติภัทธ์
เผย
ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรป่าแดด เผยต่อว่า
นอกจากมะเขือพวงแล้ว สหกรณ์ยังส่งเสริมให้สมาชิกปลูกพืชผักปลอดสารพิษด้วย
โดยได้ทำแปลงตัวอย่างไว้ทางด้านหลัง ณ ที่ทำการสหกรณ์ฯ บนเนื้อที่ 2
งานเศษสำหรับใช้เป็นแปลงปลูกพืชผักปลอดสารพิษ มีทั้งมะเขือพวง พริก ผักสลัด ผักกาด
กวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้าและอื่น ๆ
โดยผลผลิตทั้งหมดจะนำมาประกอบอาหารในวันประชุมสมาชิกประจำเดือน
ทำอาหารเลี้ยงแก่ผู้มาศึกษาดูงาน
รวมทั้งแจกฟรีให้กับลูกค้า สมาชิกที่เข้าใช้บริการปั้มน้ำมันของสหกรณ์
ส่วนพืชหลักข้าวและลำไย
สหกรณ์ก็จะรับซื้อในราคาประกันเช่นเดียวกัน
โดยจะนำมาแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุงเพื่อจำหน่าย
ประกอบด้วย ถุงละ 1 กิโลกรัม 5 กิโลกรัมและกระสอบ 35 กิโลกรัม โดยใช้สัญลักษณ์ทางการค้าตรา
"ข้าวหอมจอมคีรี" เนื่องจากอำเภอป่าแดด มีพระธาตุจอมคีรี มีชื่อเสียง
เป็นที่รู้จักและเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน คนทั่วไป
จึงนำมาเป็นตราสักษณ์ข้าวของสหกรณ์
ฉะนั้นในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปีสหกรณ์ฯจะมีการจัดงานเทศกาลข้าวหอมป่าแดด
ส่วนตลาด นอกจากวางจำหน่ายที่ร้านค้าสหกรณ์แล้วยังมีการเชื่อมโยงเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินค้าสหกรณ์ด้วยกันทั้งในจังหวัดเชียงรายและจากทั่วทุกภูมิภาค
นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์และมีสมาชิกเอาไปจำหน่ายเองด้วย
ส่วนลำไยปีนี้อยู่ระหว่างเก็บเกี่ยวผลผลิต ราคาหน้าสวน ณ ปัจจุบัน(30 ก.ค.67)
กิโลกรัมละ 20-24 บาท ซึ่งแพงกว่าทุกปี อาจเป็นเพราะว่าลำไยปีนี้ผลผลิตค่อนข้างน้อย
“เรื่องตลาดตอนนี้เราก็ได้เชื่อมเครือข่ายกับสหกรณ์การเกษตรแม่สรวย
จำกัด จ.เชียงรายเขาเลี้ยงหมูเอาหมูมาขายให้กับเราเดือนละครั้ง
ขายในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปมาก เพียงกิโลละ 140 บาทเท่านั้นเอง จากปกติกิโลละ
200-300 บาทเพื่อลดค่าครองชีพสมาชิกได้ ส่วนเราก็มีข้าวหอมป่าแดด มีมะเขือพวง
มีกะล่ำ มีผักปลอดสารพิษชนิดต่าง ๆ ที่สมาชิกปลูกก็ส่งไปให้เขา ไม่เฉพาะแม่สรวยนะ
ยังมีอีกหลายสหกรณ์ที่เราเชื่อมโยงปลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน เช่น สหกรณ์ฯเมืองพะเยา ปง เวียงป่าเป้า พาน
เชียงรายและอีกหลายแห่ง อย่างสหกรณ์ฯพานก็ส่งปุ๋ยอินทรีย์มาให้
เราก็ส่งพืชผักกลับไป ของพะเยาก็มีข้าวโพด”ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรป่าแดดระบุ
นายนิติภัทธ์ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของสหกรณ์ฯว่าปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์แบ่งออกเป็น
5 ธุรกิจหลักเช่นเดียวกันสหกรณ์การเกษตรทั่วไป ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ
ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์การตลาด ปุ๋ย
ยาและเคมีภัณฑ์การเกษตร และธุรกิจบริการ ปั้มน้ำมัน โดยธุรกิจที่ทำรายได้หลัก
ได้แก่ ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจปั้มน้ำมัน
โดยร่วมกับปั้มบางจาก ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา
ล่าสุดเพิ่งได้รับรางวัลด้านธุรกิจให้บริการปั้มน้ำมันดีเด่นจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรางวัลเศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาด้วย
“ต้องขอขอบคุณกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนอุปกรณ์การตลาดหลายอย่าง
ที่ผ่านมามีรถโฟคลิฟ 2 คัน
ล่าสุดกรมให้งบฯทำลานตากข้าวตามที่สหกรณ์ได้เสนอโครงการฯไป เป็นจำนวนเงิน 1.2
ล้านบาท โดยสหกรณ์สมทบเพิ่ม 30
เปอร์เซ็นต์ เป็นลานตากขนาด 2,000 ตารางเมตร เพียงพอในการรวบรวมผลผลิตข้าว ประมาณ
5 หมื่นตันต่อปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
ตอนนี้เราก็ได้ลานตากมาแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้รถตักเพิ่ม
ขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์อีกครั้งที่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
เพราะมีความจำเป็นจริง”ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรป่าแดดกล่าวทิ้งท้าย
นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จสหกรณ์การเกษตรป่าแดด
จำกัด อ.ป่าแดด
จ.เชียงรายในการนำพืชผักประจำบ้านมาส่งเสริมปลูกเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกอีกทางหนึ่ง
สนใจผลิตภัณฑ์สหกรณ์ฯ(ข้าวหอมป่าแดด มะเขือพวงและลำไย)โทร.08-0794-0980 ได้ทุกวัน