พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ
จัดกิจกรรมจิบน้ำชา-กาแฟยามบ่าย “โชว์วิสัยทัศน์ผู้บริหารคนใหม่ เผยทิศทางการทำงาน
เดินหน้าสนองพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่
9
พร้อมนำองค์ความรู้ด้านหลักเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
เมื่อเร็วๆนี้ พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย
ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นประธานเปิดกิจกรรม
“จิบน้ำชา-กาแฟยามบ่ายเปิดวิสัยทัศน์ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ คนใหม่” ณ MADO
Café @Mado Pavilion พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ
จัดขึ้นเพื่อกระชับสัมพันธ์อันดีกับสื่อมวลชน
พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ “ผู้บริหาร” พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ
คนใหม่เกี่ยวกับทิศทางการขับเคลื่อนงานของสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ
จากนั้นผู้บริหารได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมนิทรรศการโซนปรับปรุงใหม่ อาทิ นิทรรศการ Immersive of Mado
Pavilion สีสันใหม่ที่ พิพิธภัณฑ์กษัตริย์เกษตร โซนน้ำคือชีวิต
ตะลุยโลก VR กับนิทรรศการ “Virtual Reality Game 1 ไร่ พึ่งตนเอง”
ในพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา
พันจ่าเอก
ประเสริฐ มาลัย
ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวถึง
“นโยบายในการทำงานและทิศทางการขับเคลื่อนสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(องค์การมหาชน) หรือ พกฉ. ว่า จะเดินหน้าสนองพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 10
ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 และเน้นเดินหน้า 7
ด้านหลักคือ
1.ดำเนินงานด้วยความถูกต้อง
เน้นผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์ ความคุ้มค่า และโปร่งใส 2.ขานรับนโยบาย พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตรสานต่อนโยบายทั้ง
9 ด้านของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3.พัฒนาด้านการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยี
และนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้
เพื่อให้เกิดความถูกต้อง รวดเร็ว และทันต่อความต้องการของผู้รับบริการ
4.พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานในแต่ละด้าน
พร้อมพัฒนาเนื้อหาและเทคนิคการนำเสนอให้มีความน่าสนใจ
รวมถึงเชื่อมโยงเข้ากับระบบสารสนเทศร่วมกับหน่วยงานที่สำคัญต่างๆ
เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนภารกิจของ พกฉ. 5. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร
และการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร 6. พัฒนาการวิจัย
โดยเน้นการพัฒนากระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมกับผู้เข้ามารับบริการ
และพัฒนาศักยภาพของนักวิจัย พกฉ. เชื่อมโยงไปกับหน่วยงานภาคีความร่วมมือต่าง ๆ
ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และสุดท้ายให้มีการพัฒนารายได้
ยกระดับการให้บริการด้วยเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้าและเป็นศูนย์กลางในการสนับสนุนตลาดสินค้าเกษตรในเชิงเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขวิกฤตสินค้าภาคการเกษตร”
พันจ่าเอก
ประเสริฐ
ยังได้เผยถึงแผนการดำเนินงานและกิจกรรมที่น่าสนใจในปีนี้และในอนาคตด้วยว่า
มีแผนพัฒนาพิพิธภัณฑ์การเกษตรในหลายด้านเพื่อให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น โดยจะมีการปรับโฉมฐานเรียนรู้ 5 โซน ประกอบด้วย
1.นิทรรศการ Immersive of Mado Pavilion สีสันใหม่ที่
พิพิธภัณฑ์กษัตริย์เกษตร เปิดประสบการณ์เต็มรูปแบบ ด้วย Projection Mapping
ที่จะทำให้รู้จักกับพิพิธภัณฑ์การเกษตร ตั้งแต่เริ่มต้น
จนถึงอนาคตภายในพิพิธภัณฑ์กษัตริย์เกษตร
2.นิทรรศการโซนตามรอยพ่อ อยู่อย่างพอเพียง :
พาไปทำความรู้จักกับคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง และต้นแบบแห่งความพอเพียง “พอ”
แบบไหนคือพอเพียง 3 นิทรรศการโซนน้ำคือชีวิต
ถ่ายทอดเรื่องราวของการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ร้อยเรียงตั้งแต่ ความสำคัญของน้ำ
พระอัจฉริยภาพของกษัตริย์เกษตร ในด้านการจัดการน้ำ และวิธีอนุรักษ์น้ำ
4.นิทรรศการโซนหัวใจใฝ่เกษตร “Virtual Reality Game 1 ไร่
พึ่งตนเอง”
พาไปลงมือทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบเสมือนจริง
Virtual Reality game ภายในพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา 5.นิทรรศการ
จากเส้นด้ายสู่ลายผ้า พาไปรู้จักกับมรดกทางวัฒนธรรมอย่าง ผ้าในรูปแบบต่างๆ
ผ้าทอพื้นบ้าน ผ้าปูม ผ้าซิ่นตีนจก ผ้าปรกหัวนาค ผ้ายกดอกเกาะยอ เป็นต้น
รวมถึงเรื่อราวของเครื่องจักสาน อันเป็นอัตลักษณ์วัฒนธรรมการเกษตรของไทย
ภายในพิพิธภัณฑ์เกษตรคือชีวิต
นอกจากนี้ยังมีแผนยกระดับการจัดงานมหกรรม
นิทรรศการหมุนเวียน และตลาดเศรษฐกิจพอเพียง
โดยปกตินอกจากการจัดงานตลาดเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว จะมีการจัดงานมหกรรม 4 งานใหญ่ในทุกปีที่ให้ทุกท่านได้มาเรียนรู้พระเกียรติคุณ
และพระอัจฉริยภาพกษัตริย์เกษตร ไม่ว่าจะเป็นงาน มหกรรมจากพันธุกรรมสู่ความยั่งยืน
ในเดือนเมษายน (ช่วงระหวางวันที่ 4-6 เมษายน 2568 )
ซึ่งตรงกับเดือนพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และมหกรรมสืบสานงานพ่อพัฒนาส่งต่ออาชีพที่ยั่งยืน ในเดือนกรกฎาคม
(ช่วงระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ) มกรรม ในความทรงจำ ในเดือนตุลาคม 2568
ที่ตรงกับวันคล้ายวันสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 และในเดือนธันวาคม ที่เป็นงาน
มหกรรมภูมิพลังแผ่นดิน และสำหรับในปี 2569 จะเพิ่มขึ้นอีก 2 งาน
คือในเดือนมิถุนายน ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
และเดือนสิงหาคมซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งมีแผนขับเคลื่อนงานร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ ในปี 2568 มีเป้าหมายเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯเพิ่มอีก
5 แห่ง (ดำเนินการไปแล้ว 2 แห่งคือระยอง และแพร่)
เพื่อเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ให้กับประชาชน
พื้นที่ใกล้เคียงเข้าไปศึกษาเรียนรู้และประยุกต์ให้เหมาะสมกับตนเอง
รวมทั้งสร้างและพัฒนาผู้สืบทอดเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สามารถนำองค์ความรู้ วิถีเกษตรไทย
ผนวกกับเทคโนโลยี และนวัตกรรมภาคการเกษตรไปต่อยอด
และพัฒนาเป็นการเกษตรแบบยั่งยืนจากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 98 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้
ยังมีโครงการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ
โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ พระอัจฉริยภาพ และเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่
9 และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนคนไทยทั้งชาติ เป็นพื้นที่ให้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้มาสักการะแสดงความจงรักภักดี
และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยจัดสร้างพระบรมราชานุเสาวรีย์
ขนาดความสูง 1.5 เท่าของคนจริงสูง 268 เซนติเมตร ความกว้างฐาน 90 เซนติเมตร
พร้อมเตรียมเปิดให้บริการห้องสมุด Wisdomking E-Library ห้องสมุดเฉพาะทางที่รวบรวมองค์ความรู้
บทความต่างๆ ผลงานวิจัยทางด้านการเกษตรไว้ในที่เดียว
พร้อมระบบยืม-คืนหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์แบบครบวงจร รวมถึงมีบริการ E-Book
ให้ดาวน์โหลด ผ่านทาง Mobile Application / WKM E-Library ในเร็วๆนี้อีกด้วย