กรมประมง...
โชว์ผลงานปรับปรุงรูปร่างปลาหมอชุมพร 1
สำเร็จ ด้วยวิธีคัดเลือกลักษณะภายในครอบครัว
เพื่อให้ได้รูปร่างปลาหมอที่ตัวแบนและหนาขึ้น ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดยุคใหม่ พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเชิงพาณิชย์
เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้
ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพ
สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม
เพิ่มรายได้”
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง
เปิดเผยว่า นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้สั่งการให้กรมประมงติดตามการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำพันธุ์ดี
โดยเฉพาะชนิดพันธุ์ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต จำนวน 14 สายพันธุ์ ได้แก่ ปลานิล (จิตรลดา 3, จิตรลดา 4) ปลานิลแดง (เร้ด 1, เร้ด 2, ปทุมธานี 1) ปลาไน
(คอม 1) ปลาตะเพียนขาว (ซิลเวอร์ 1 ซี,
ซิเวอร์ 2 เค, ตะเพียนขาวนีโอเมล)
ปลายี่สกเทศ (โรห์ 1) ปลานวลจันทร์เทศ (มา 1) กุ้งก้ามกราม (มาโคร 1) กุ้งขาวแวนาไม (สิชล 1)
และปลาหมอ (ชุมพร 1) พร้อมกระจายพันธุ์สัตว์น้ำที่ดีมีคุณภาพไปสู่เกษตรกร
เพื่อให้สามารถผลิตสัตว์น้ำได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
โดยมีลักษณะรูปร่างปรากฏตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
รวมทั้งมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี มีความต้านทานโรค ให้ผลผลิตสูง
และจำหน่ายได้ราคาดี ส่งผลให้เกษตรกรมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพระยะยาว
ล่าสุด กรมประมง
โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร
กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำสามารถปรับปรุงพันธุ์โดยปรับปรุงรูปร่างปลาหมอชุมพร
1 ได้สำเร็จ
ด้วยวิธีการคัดเลือกโดยดูลักษณะภายในครอบครัว
ซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนความลึกลำตัวต่อความยาวมาตรฐาน น้ำหนัก
และความยาวตลอดลำตัวให้เพิ่มขึ้นสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
กระทั่งนำไปสู่การขยายผลเพื่อเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
นายสุชาติ จุลอดุง
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร เปิดเผยว่า “ปลาหมอ” (Climbing Perch) เป็นปลาน้ำจืดที่เลี้ยงง่าย
ทนทานต่อสภาพน้ำที่แปรปรวน สามารถเพาะเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นสูง
และขนส่งในรูปแบบปลาสดมีชีวิตได้ไกล ทำให้ตลาดมีความต้องการสูง โดยทางศูนย์ฯ
ได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ปลาหมออย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2546
โดยในช่วงแรกได้ปรับปรุงด้านการเจริญเติบโตแบบหมู่ 4 รุ่น
ซึ่งทำให้ได้ปลาหมอที่มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 76 และตั้งชื่อสายพันธุ์ว่า ปลาหมอชุมพร 1 เมื่อวันที่
16 สิงหาคม 2554
แต่เพื่อให้ได้ปลาที่มีลักษณะรูปร่างสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคซึ่งนิยมเลือกซื้อปลาหมอที่มีลักษณะลำตัวแบน
สันหนา ดูเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ แม้จะมีน้ำหนักเท่ากันเมื่อเทียบกับปลาหมอรุ่นก่อน
ๆ จนกระทั่งในปี 2563
จึงได้ใช้วิธีการคัดเลือกลักษณะภายในครอบครัวเพื่อปรับปรุงรูปร่างของปลาหมอชุมพร 1 จำนวน 2
รุ่น ซึ่งพบว่าปลาหมอรุ่นที่ 2
มีค่าเฉลี่ยสัดส่วนความลึกของลำตัวต่อความยาวมาตรฐาน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 มีรูปร่างที่แบนขึ้น ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
อีกทั้งยังมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 15
แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการปรับปรุงพันธุ์ที่ยังคงลักษณะการเจริญเติบโตที่ดี
สามารถสร้างผลผลิตปลาหมอเพื่อรองรับความต้องการของตลาดผู้บริโภค
และพร้อมกระจายพันธุ์สำหรับให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงเชิงพาณิชย์ต่อไป
จากการสัมภาษณ์ศาสตราจารย์
นายแพทย์เอาชัย กาญจนพิทักษ์ หนึ่งในเกษตรกรผู้มีประสบการณ์เลี้ยงปลาหมอชุมพร 1 และปลาหมอชุมพร 1
ปรับปรุงพันธุ์ในร่องสวนปาล์ม อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ยืนยันว่า
ปลาหมอสายพันธุ์ชุมพร 1
ที่มีการปรับปรุงพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของระยะเวลาการเจริญเติบโต
รูปร่าง และราคาจำหน่าย โดยปลาหมอชุมพร 1 ที่ปรับปรุงพันธุ์
จะใช้ระยะเวลาการเลี้ยงจนได้ขนาดตามความต้องการของตลาด คือ 3 - 5 ตัวต่อกิโลกรัม เพียง 4 เดือน
และสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงถึง 150 บาทต่อกิโลกรัม
ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
แต่ยังตอบสนองต่อความต้องการของตลาดร้านอาหารที่ต้องการปลาหมอขนาดใหญ่เพื่อนำไปประกอบอาหาร
ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรไทยได้เป็นอย่างดี
อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า
สำหรับเกษตรกรหรือผู้สนใจที่ต้องการขอรับคำแนะนำ
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาหมอชุมพร 1 ปรับปรุงพันธุ์ สามารถติดต่อได้ที่
ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร เลขที่ 12/35 หมู่ที่
8 ตำบลทุ่งคา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร 86100 โทรศัพท์ 0 7751 0310 ในวันและเวลาราชการ หรือที่ Facebook
Page : ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร