นางประเทือง
วาจรัต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 11
อุบลราชธานี (สศท.11) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 2 (ข้าวโพดหลังนา) ของจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอันดับ 1 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปี 2566 (ข้อมูลจาก
สศท.11 ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566)
คาดว่า มีเนื้อที่ปลูกรวม 70,370 ไร่
เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 69,461 ไร่ (เพิ่มขึ้น 909 ไร่ หรือ ร้อยละ 1.30) ผลผลิตรวม 57,703 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 56,724 ตัน
(เพิ่มขึ้น 979 ตัน หรือ ร้อยละ 1.72) มีเกษตรกรผู้ปลูกที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร
5,683 ครัวเรือน ทั้งนี้ เนื้อที่ปลูกและผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น
เนื่องจากราคาจูงใจ ประกอบกับภาคเอกชนมีการประกันราคารับซื้อ
เกษตรกรจึงขยายเนื้อที่ปลูก
สำหรับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2
(ข้าวโพดหลังนา) เกษตรกรจะปลูกช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
ของปีถัดไป และเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,060 บาท/ไร่/รอบการผลิต ผลผลิตเฉลี่ย 820
กิโลกรัม/ไร่/รอบการผลิต ผลตอบแทนเฉลี่ย 9,127
บาท/ไร่/รอบการผลิต ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 3,067
บาท/ไร่/รอบการผลิต ทั้งนี้ ปี 2566
ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 (ข้าวโพดหลังนา) ของเกษตรกร
ในจังหวัดอุบลราชธานี จะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนมีนาคม
และจะออกมากที่สุดช่วงเดือนเมษายน คิดเป็นร้อยละ 70
ของผลผลิตทั้งจังหวัด
ราคาขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 (ข้าวโพดหลังนา) ของจังหวัดอุบลราชธานีในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด ณ
ความชื้น 14.50% เฉลี่ยอยู่ที่ 11.13
บาท/กิโลกรัม โดยมี บริษัท ก้าวหน้าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ จำกัด, บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกันราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ
8.00 บาท รับไม่จำกัดจำนวน
ถ้าราคาตลาดสูงจะรับซื้อตามราคาตลาด สำหรับปี 2566
มีบริษัทเพิ่มจุดรับซื้อตามอำเภอต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ ๆ เพิ่มขึ้น จำนวน 4 จุด เพื่อช่วยลดค่าขนส่งให้กับเกษตรกร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย
“ตลาดนำการผลิต” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ผลผลิตเกือบทั้งหมดได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร อีกทั้งภาครัฐได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร
เนื่องจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นอกจากใช้ปริมาณน้ำน้อยแต่ยังให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับการทำนาปรัง
และนอกจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังมีพืชทางเลือกอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรในพื้นที่ อาทิ
ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักอ่อน สามารถเพาะปลูกได้ทุกภูมิภาค”
ผู้อำนวยการ สศท.11 กล่าว
ทั้งนี้
ขอฝากเตือนเกษตรกรให้เฝ้าระมัดระวังโรคหนอนกระทู้ ที่มักจะพบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
(ข้อมูลจากศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กรมวิชาการเกษตร)
โดยก่อนเพาะปลูกให้คลุกเมล็ดด้วยสารไซแอนทรานิลิโพรล 20%
เอสซี (กลุ่ม 28) อัตรา 20
ซีซี/เมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม แล้วค่อยพ่นสารทางใบต่อเมื่อพบหนอนหรือการระบาด
หากพบหนอนขนาดเล็กที่เพิ่งฟักจากไข่ พ่นด้วยสารชีวภัณฑ์ ได้แก่ เชื้อบีที
สายพันธุ์ไอซาไว หรือ สายพันธุ์ เคอร์สตาร์กี้ อัตรา 80
กรัม/น้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 4-7 วัน
สำหรับการใส่ปุ๋ยควรใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน
ใช้ปุ๋ยให้ตรงตามระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และตรงตามความต้องการของพืช จะทำให้พืชเจริญเติบโตดี
และการให้ผลตอบแทนคุ้มค่าแก่การลงทุน
หากท่านใดสนใจข้อมูลการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 2 (ข้าวโพดหลังนา)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี โทร 0 4531 1052 และ สศท.11 อุบลราชธานี โทร 0 4534 4654 หรือ อีเมล zone11@oae.go.th