ตามที่ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
จัดแถลงข่าวถึงกรณีคดีการทุจริตของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด
มีการปลอมแปลงเอกสารการกู้เงินสหกรณ์ของข้าราชการตำรวจกว่า 423 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 220 ล้านบาท นั้น
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขอชี้แจงว่าหลังตรวจพบการทุจริตในสหกรณ์ดังกล่าว
เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สั่งการไปยังสหกรณ์จังหวัดลำพูน
ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน
โดยได้แต่งตั้งคณะผู้ตรวจการสหกรณ์ประจำจังหวัดลำพูน เป็นการเฉพาะกิจ
เพื่อดำเนินการตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด
พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขข้อบกพร่องภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน จนกว่าจะแก้ไขข้อบกพร่องแล้วเสร็จ
ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พบว่ามีเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จำนวน 3 ราย (ประกอบด้วย ฝ่ายสินเชื่อ 2 ราย และฝ่ายการเงิน
1 ราย) ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารการกู้เงิน
และเปลี่ยนแปลงข้อมูลการโอนเงินเข้าบัญชีหลังการอนุมัติเงินกู้
โดยเปลี่ยนจากการโอนเงินเข้าบัญชีสมาชิกผู้กู้
เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย
อย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยสหกรณ์ได้ลงโทษผู้กระทำความผิด
ด้วยโทษไล่ออกโดยไม่จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ
พร้อมทั้งดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่กลุ่มผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด
และสรุปสำนวนฯ นำส่งอัยการจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 22
มีนาคม 2566 แต่เนื่องจากอัยการเห็นว่าการทุจริตกระทำมาต่อเนื่องยาวนาน
มีความผิดต่างกรรมต่างวาระ และมีค่าเสียหายจำนวนมาก
จึงพิจารณาส่งสำนวนคืนให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม
โดยให้รวมความผิดทุกกรรมและความเสียหายทั้งหมด
เพื่อให้เกิดผลดีต่อรูปคดีก่อนจะสรุปสำนวนเสนออีกครั้ง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ระดับสูงที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่
ปล่อยปะละเลย หรือช่วยเหลือผู้ทุจริตปกปิดข้อมูลการทุจริต
จนนำไปสู่เหตุการณ์ทุจริตของเจ้าหน้าที่สหกรณ์
สร้างความเสียหายให้แก่สหกรณ์เป็นเงินจำนวนมาก ทางสหกรณ์จึงมีคำสั่ง “ไล่ออกและไม่จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ”
ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนร่วมในการทุจริตร่วมกับผู้กระทำความผิด
ก็จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ฯ
โดยคณะทำงานได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สิน ที่อาจได้จากการกระทำผิดของผู้ต้องหา
ประกอบด้วย เงินสด จำนวน 11 ล้านบาท
กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ รถยนต์และทรัพย์สินต่าง ๆ จำนวนหลายรายการ
โดยจัดให้มีการประมูลทรัพย์สิน ครั้งที่ 1 (กระเป๋าแบรนด์เนม)
จำนวน 111 รายการ เมื่อวันที่ 19
สิงหาคม 2566 ได้เงินจากการประมูลทั้งสิ้น 4,459,000 บาท และจะมีการประมูลทรัพย์สินที่เหลือ (เครื่องประดับและรถยนต์)
เพื่อนำเงินมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ผู้เสียหายในโอกาสต่อไป นอกจากนี้
สหกรณ์ยังได้จัดประชุมสมาชิกสหกรณ์เพื่อชี้แจงถึงปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น
พร้อมวางกรอบระยะเวลาดำเนินการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการดำเนินการ
ตลอดจนตอบข้อซักถามและข้อเรียกร้องของสมาชิก เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย
โดยในส่วนของการดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิก
สหกรณ์ได้พิจารณาจัดทำโครงการพิเศษเพื่อช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิก
ด้วยวิธีการงดคิดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกสัญญาเป็นระยะเวลา 2
เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 พฤศจิกายน 2566 มูลค่ารวมประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับสมาชิกที่ถูกกระทำในลักษณะเอาชื่อไปกู้ โดยเพิ่มยอดเงินกู้ให้สูงขึ้น
สหกรณ์จะปรับลดให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงต่อไป