ตามที่เป็นข่าวว่าหัวหน้าฝ่ายคอมพิวเตอร์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์
จำกัด ก่อการทุจริตใช้ความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์กู้เงินฉุกเฉินสมาชิกรายละ
300,000 บาท คาดทำต่อเนื่องมา 10 ปี พร้อมทำงบการเงินตบตากรรมการผู้ตรวจสอบกิจการ
สร้างความเสียหายแก่สหกรณ์รวมมูลค่า 50 ล้านบาทนั้น เมื่อทราบข่าว นายวิศิษฐ์
ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สั่งการไปยังสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยด่วน
พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางบัญชีพบว่าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าฝ่ายคอมพิวเตอร์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์
จำกัด ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลระบบการจ่ายเงินกู้ของสหกรณ์จริง
โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้กระทำการสวมสิทธิ์สมาชิกสหกรณ์เพื่อกู้เงินฉุกเฉินรายละ
300,000 บาท และอนุมัติเงินกู้ให้แก่ตนเองแทน
พร้อมอาศัยความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ทำงบการเงินอันเป็นเท็จเพื่อปกปิดความผิดมาเป็นระยะเวลากว่า
6 ปี (ปี 2561 – 2566) จำนวนครั้งที่ก่อเหตุ 260 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 47
ล้านบาทเศษ
หลังจากทราบข้อเท็จจริง
ที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด มีมติเป็นเอกฉันท์
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ให้ลงโทษทางวินัยไล่ออกเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิด
พร้อมทั้งให้มีการดำเนินคดีและมอบอำนาจผู้แทนสหกรณ์ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์
เพื่อดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด
ในฐานความผิด “เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบจ่ายเงินกู้สามัญ
เงินกู้ฉุกเฉินในระบบคอมพิวเตอร์ แล้วกระทำการทุจริตต่อหน้าที่
เป็นเหตุให้สหกรณ์ได้รับความเสียหาย” ทั้งนี้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์
ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรณีพบเหตุผิดปกติในการกดรับเงินกู้เพื่อเหตุฉุกเฉินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์
จำกัด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีบุคคลอื่นร่วมกระทำความผิดด้วย ซึ่งคณะทำงานฯ
จะดำเนินการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถ้อยคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในกรณีดังกล่าว
ทั้งฝ่ายกรรมการและฝ่ายจัดการของสหกรณ์
ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารและสรุปผลการตรวจสอบ