วันที่ 18 ธันวาคม 2566 เวลา 11.30 น.
นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า
ตามที่สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และ PM 10
มีปริมาณค่าฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์เกินค่ามาตรฐานและเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ
และปริมณฑลประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
จึงได้สั่งการให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.ระยอง
ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวและวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาฝุ่นละอองขนาดเล็กให้กับพื้นที่กรุงเทพฯ
และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2566
เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาคตะวันออกมีโอกาสเหมาะสมในการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงเวลาดังกล่าว
อธิบดีฝนหลวงฯ กล่าวด้วยว่า
การปฏิบัติการฝนหลวงเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566
บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบินคาราแวน จำนวน 2 ลำ 2 เที่ยวบิน บริเวณ อ.บ้านบึง
จ.ชลบุรี ถึง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
หลังปฏิบัติการพบว่ากลุ่มเมฆในพื้นที่ที่ปฏิบัติการพัฒนาตัวหนาแน่นขึ้น
ก่อยอดสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณค่าฝุ่น PM2.5 ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกบริเวณ จ.สมุทรปราการ ชลบุรี และ
จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง และยังได้กำชับให้ทางหน่วยฯ จ.ระยอง
ติดตามสถานการณ์และวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ (17
ธันวาคม 2566) มีการขึ้นบินปฏิบัติการด้วยเครื่องบินคาราแวน จำนวน 2 ลำ 2
เที่ยวบิน บริเวณ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ถึง อ.ปากพลี จ.นครนายก
หลังปฏิบัติการพบว่า ทำให้มีฝนตกเล็กน้อยบริเวณ อ.องครักษ์ จ.นครนายก และ
อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
โดยการปฏิบัติการฝนหลวงทำให้มีเมฆและฝนที่เกิดจากฝนหลวงและฝนธรรมชาติเคลื่อนที่เข้าบริเวณกรุงเทพฯ
ซึ่งช่วยดูดซับฝุ่น PM2.5 (Cloud scavenging) ส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นในเช้านี้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น
ตามที่กรมควบคุมมลพิษได้รายงานค่าฝุ่นละออง PM2.5
ในพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล ไม่มีพื้นใดค่าฝุ่นเกินมาตรฐานและแนวโน้มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม
การปฏิบัติการฝนหลวงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง
ซึ่งจะต้องอาศัยทิศทางลมเป็นตัวกำหนดในการก่อเมฆ
เพื่อให้ลมพัดพาเมฆเข้ามาในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยหากลมมาจากทิศตะวันออกจะปฏิบัติการจากฐานที่ตั้ง จ.ระยอง หากลมมาจากทิศตะวันตก
จะปฏิบัติการมาจากฐานที่ตั้ง จ.กาญจนบุรี
และจะต้องบินในระยะห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
70 ไมล์ ตามกฎการบินสากล
รวมถึงระมัดระวังพื้นที่การเกษตรบริเวณจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ที่กำลังเก็บเกี่ยวในฤดูนี้อีกด้วย ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ
ยังคงติดตามสภาพอากาศและข้อมูลสถานการณ์ฝุ่นละอองจากกรมควบคุมมลพิษอย่างใกล้ชิด
หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ฝนหลวงฯ จะวางแผนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป อธิบดีฝนหลวงฯ
กล่าวทิ้งท้าย