กรมประมงแจ้งประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของเรือประมง
ที่มีขนาดตั้งแต่ 10 ตันกรอสขึ้นไป ที่มีความประสงค์จะทำการประมงพาณิชย์ ในรอบปีการประมง
2567 - 2568 มายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ 1 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ณ สำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพฯ กรมประมง
หรือ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานประมงอำเภอแห่งท้องที่ที่มีอาณาเขตติดทะเล
ทั้งนี้ ขึ้นรอบปีการประมงใหม่ เริ่มวันที่ 1 เมษายน 2567
หากเรือประมงลำใดออกไปทำประมงโดยที่ไม่มีใบอนุญาตจะไม่สามารถออกทำการประมงได้
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเรือประมงพาณิชย์ที่อยู่ในระบบใบอนุญาตทำการประมงพณิชย์
จำนวน 9,310 ลำ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา
มีผลผลิตที่ได้จากการทำประมงพาณิชย์มากกว่า 1 ล้านตัน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 40,000
ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดความยั่งยืนด้วยการกำกับ ควบคุม
และดูแลการทำประมงให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน
(ค่า MSY)
ตามข้อกำหนดในมาตรา 19 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งในการออกไปทำการประมงอย่างถูกกฎหมาย
เรือประมงจะต้องมีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ที่ออกโดยกรมประมง
สามารถทำการประมงได้ตามปีการประมง (โดยใบอนุญาตฯ มีอายุปีการประมง 2 ปี) และขณะนี้ใบอนุญาตทำการประมงเดิมจะหมดอายุลงในวันที่
31 มีนาคม 2567 นี้ ซึ่งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ได้กำชับให้กรมประมงเร่งดำเนินการ
เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบอาชีพให้แก่พี่น้องชาวประมง
ดังนั้น กรมประมงจึงออกประกาศ เรื่อง กำหนดห้วงเวลา
หลักเกณฑ์ วิธีการ ขั้นตอน และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
สำหรับปีการประมง 2567 – 2568 ในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 10 มกราคม 2567
แจ้งให้ผู้ที่ประสงค์จะทำการประมงพาณิชย์ ในปีการประมงใหม่
มายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ได้ที่ สำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพฯ
กรมประมง หรือ
ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานประมงอำเภอแห่งท้องที่ที่มีอาณาเขตติดทะเล
ในระหว่างวันที่ 1 – 29 กุมภาพันธ์ 2567
สำหรับชนิด ขนาด
และจำนวนของเครื่องมือทำการประมงที่สามารถขอรับใบอนุญาตใช้ทำการประมงพาณิชย์ได้มี
ดังนี้
ชนิดเครื่องมือทำการประมง |
ขนาดเรือ (ตันกรอส) |
จำนวน / ขนาด ที่ขอได้ |
1. อวนลากคู่ |
ทุกขนาด |
อวนลากคู่ ความยาวคร่าวล่าง ไม่เกิน 100 เมตร |
2. อวนลากแผ่นตะเฆ่ |
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวล่าง ไม่เกิน 60 เมตร |
3. อวนลากคานถ่าง |
ทุกขนาด |
จำนวนอวน ไม่เกิน 8 ปาก |
4. อวนล้อมจับ |
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวบน ไม่เกิน 2,500 เมตร |
5. อวนล้อมจับปลากะตัก |
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวบน ไม่เกิน 1,000 เมตร |
6. อวนครอบปลากะตัก
|
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวล่างทั้ง 4
ด้านรวมกันไม่เกิน 200 เมตร |
7. อวนช้อน/ยกปลากะตัก
|
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวบนทั้ง 4
ด้านรวมกันไม่เกิน 120 เมตร |
8. เรือประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เรือปั่นไฟ) |
ทุกขนาด |
1 หน่วย / 1 ลำ |
9. อวนครอบหมึก |
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวล่างทั้ง 4 ด้าน รวมกันไม่เกิน 150 เมตร |
10. อวนช้อนปลาจะละเม็ด |
ทุกขนาด |
คร่าวรอบปากอวนทุกด้านรวมกันไม่เกิน 500 เมตร |
11. อวนติดตา |
ตั้งแต่ 10 – 29.99 ตันกรอส |
ความยาวเชือกคร่าวบนรวมกันไม่เกิน
15,000 เมตร |
ตั้งแต่ 30 ตันกรอส ขึ้นไป |
ความยาวเชือกคร่าวบนรวมกันไม่เกิน
28,000 เมตร |
|
12. อวนรุนเคย
|
ทุกขนาด |
ความยาวคร่าวล่าง ไม่เกิน 60 เมตร |
13. คราดหอยลาย
|
ทุกขนาด |
1 หน่วย / 1 ลำ |
14. คราดหอยแครง
|
ทุกขนาด |
1 หน่วย / 1 ลำ |
15. คราดหอยอื่น
|
ทุกขนาด |
1 หน่วย / 1 ลำ |
16. ลอบปลา |
ตั้งแต่ 10 – 29.99 ตันกรอส |
ไม่เกิน 200 ลูก |
ตั้งแต่ 30 ตันกรอส ขึ้นไป |
ไม่เกิน 300 ลูก |
|
17. ลอบปู |
ตั้งแต่ 10 – 29.99 ตันกรอส |
ไม่เกิน 3,500 ลูก |
ตั้งแต่ 30 ตันกรอส ขึ้นไป |
ไม่เกิน 4,500 ลูก |
|
18. ลอบหมึก |
ตั้งแต่ 10 – 29.99 ตันกรอส |
ไม่เกิน 320 ลูก |
ตั้งแต่ 30 ตันกรอส ขึ้นไป |
ไม่เกิน 400 ลูก |
|
19. ลอบหมึกสาย |
ตั้งแต่ 10 – 24.99 ตันกรอส |
ไม่เกิน 20,000 ลูก |
ตั้งแต่ 25 ตันกรอส ขึ้นไป |
ไม่เกิน 27,500 ลูก |
|
20. เบ็ดราว |
ทุกขนาด |
ไม่เกิน 50 สาย |
21. แผงยกปูจักจั่น |
ทุกขนาด |
ไม่เกิน 500 สาย |
22. เบ็ดมือ |
ทุกขนาด |
1 หน่วย / 1 ลำ |
23. เครื่องมืออื่น |
|
|
โดยผู้มาขอรับใบอนุญาตจะต้องเตรียมเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ
ได้แก่
(1) แสดงบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
(ที่ยังไม่หมดอายุ)
(2)
หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แสดงวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการประมง
ซึ่งออกให้ไม่เกิน
3
เดือน (กรณีที่เป็นนิติบุคคล)
(3) หนังสือมอบอำนาจ
พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ
และแสดงบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (กรณีที่มีการมอบอำนาจ)
(4) หนังสือยินยอมให้ใช้เรือประมง
(กรณีที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมหรือสิทธิครอบครองในเรือประมงที่ขอรับใบอนุญาต)
(5) ภาพถ่ายหรือภาพถ่ายดิจิทัลของเรือประมง โดยถ่ายไม่เกิน 3 เดือน จำนวน 3
รูป ดังนี้
(5.1)
ภาพอัตลักษณ์เรือที่เห็นชัดเจน จำนวน 1 รูป
(5.2) ภาพหัวเรือที่เห็นชื่อเรือ
ทะเบียนเรือ
(กรณีที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์อยู่เดิมจะต้องมีเครื่องหมายประจำเรือปรากฎอยู่ในภาพถ่ายด้วย)
จำนวน 1 รูป
(5.3) ภาพถ่ายเรือเต็มลำด้านซ้ายหรือขวา จำนวน 1 รูป
(6)
หลักฐานและเอกสารอื่นที่จำเป็นต้องใช้ประกอบการยื่นคำขอ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละอำเภอจะได้ตรวจความถูกต้องของคำขอและเอกสารให้เรียบร้อย
พร้อมบันทึกข้อมูลลงในระบบ e-license ให้เสร็จสิ้นก่อนปิดรับคำขอ ซึ่งเมื่อกรมประมงพิจารณาเสร็จสิ้นจะส่งผลการพิจารณาให้ประมงอำเภอท้องที่เพื่อแจ้งผลให้ผู้ที่ขออนุญาตทราบก่อนถึงปีการประมงใหม่ เพื่อที่เรือประมงพาณิชย์จะได้สามารถออกทำการประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
พ.ร.ก.การประมง 2558
อธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า
หากผู้ใดออกไปทำประมงทั้งทะเลฝั่งอ่าวไทยและทะเลฝั่งอันดามัน
โดยไม่มีใบอนุญาตทำการประมง จะมีบทกำหนดโทษตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558
ทั้งทางอาญาและมาตรการทางการปกครอง ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ที่ใช้เรือประมง
ที่มีขนาดตั้งแต่ 10 ตันกรอสขึ้นไป และประสงค์จะทำประมงพาณิชย์
มาดำเนินการตามขั้นตอนและวันเวลาตามที่ทางราชการได้แจ้งไปและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อีกทั้ง การขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ในปีนี้
กรมประมงได้เปิดโอกาสให้ชาวประมงที่เรือประมงซึ่งมีใบอนุญาตทำการประมง
แต่เรือประมงเกิดความชำรุด ทรุดโทรม หรือ เรือจม อับปาง
สามารถนำเรือประมงลำอื่นมาขอรับใบอนุญาตแทนได้ รวมทั้ง
ผู้ที่เคยมีลักษณะต้องห้ามในการได้รับอนุญาต
หากสิ้นสุดลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดแล้วก็สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตได้
หรือผู้ที่ประสงค์จะเปลี่ยนพื้นที่ทำการประมง หรือ
เปลี่ยนเครื่องมือทำการประมงข้ามกลุ่มสัตว์น้ำก็สามารถยื่นคำขอได้
ซึ่งหากไม่กระทบกับปริมาณสัตว์น้ำสูงสุดที่จะอนุญาตให้ทำการประมงได้ตามที่คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติเห็นชอบ
กรมประมงก็จะอนุญาตให้ทำการประมงตามที่ประกาศได้ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูอาชีพทำการประมงตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ กรมประมงได้เปิดคลินิกประสานงานการขอรับอนุญาตทำการประมง
เพื่อให้พี่น้องชาวประมงสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยสามารถสแกน QR-Code เข้าร่วมกลุ่มไลน์ได้ หรือ
ติดต่อสอบถามเพิ่มได้ที่กลุ่มทะเบียนและอนุญาตทำการประมง
กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ กรมประมง โทร.02-561-2341 , 082-649-7981
, 064-695-3360 , สำนักงานประมงจังหวัด และสำนักงานประมงอำเภอที่มีอาณาเขตติดทะเล