นายวันชัย จันทร์พร
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธี
ส่งมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่เครือซีพี
โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด
(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ หรือ JCC ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 36
หนุนโภชนาการที่ดี สร้างคลังอาหารในโรงเรียน-ชุมชน มุ่งถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เยาวชน
ปูพื้นฐานอาชีพนำองค์ความรู้ไปใช้ในอนาคต โดยมี นายโคโซ โท
รองประธานหอการค้าญี่ปุ่น และประธานส่วนการศึกษา คณะกรรมการฝ่ายความช่วยเหลือสังคม
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส
ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์
และผู้ช่วยบริหารสำนักประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ
ในฐานะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และ
นายวราราชย์ เรืองศรี ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส
ผู้แทนรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ ร่วมส่งมอบ ณ โรงเรียนบ้านนาคำ
(โพนสวรรค์) อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
เปิดเผยว่า
รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งที่ JCC ให้ความสำคัญในการส่งเสริมภาวะโภชนาการที่ดีแก่เด็กและเยาวชนไทย
ด้วยการสนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน โดยโครงการฯ
นี้เป็นตัวอย่างของการบูรณาการงานร่วมกับภาครัฐ และภาคเอกชน โดยมี มูลนิธิฯ
เป็นกลไกขับเคลื่อนหลัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโรงเรียนทั้ง 4
แห่งในพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่ได้รับโอกาสนี้ จะดำเนินโครงการด้วยความตั้งใจ
บริหารจัดการไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และขอขอบคุณ JCC มูลนิธิฯ
และซีพีเอฟ ที่เดินหน้าโครงการฯ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักเรียน โรงเรียน
และชุมชน
ด้าน นายจอมกิตติ ศิริกุล กล่าวว่า
มูลนิธิฯ และซีพีเอฟ ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน
ก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 โดยในปี 2543 มูลนิธิฯผนึกกำลังกับ JCC ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายสนับสนุนโครงการฯ
จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 24 ปี
โดยเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ
ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงโภชนาการที่ดี ให้แก่นักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล
และชุมชนในถิ่นทุรกันดาร สำหรับปีนี้ JCC สนับสนุนงบประมาณให้กับโครงการฯ
จำนวน 4 โรงเรียนในจังหวัดนครพนม ประกอบด้วย
โรงเรียนบ้านนาคำ (โพนสวรรค์) โรงเรียนบ้านนาเต่า และโรงเรียนบ้านค้อ ต.บ้านค้อ
อ.โพนสวรรค์ และโรงเรียนพระซองวิทยาคาร ต.พระซอง อ.นาแก
ส่วน นายวราราชย์ เรืองศรี กล่าวว่า ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนมูลนิธิ
ทั้งงบประมาณและบุคลากร อย่างเต็มกำลัง ที่ผ่านมาบริษัทฯ
ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปติดตาม ดูแล ให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงไก่ไข่
และการจัดการผลผลิตไข่ไก่สด แก่ครูและนักเรียนในโรงเรียนที่ร่วมโครงการฯอย่างต่อเนื่อง
ทำให้สามารถบริหารโครงการได้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมสุขภาพของเด็กเยาวชนไทย
ที่เป็นอนาคตของประเทศ จากการบริโภคไข่ไก่อาหารโปรตีนคุณภาพดีอย่างเพียงพอ
อิ่มท้อง สมองแจ่มใส และหวังว่าโรงเรียนจะสามารถดำเนินการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
เป็นแบบอย่างให้แก่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป
ทางด้าน นายโคโซ โท กล่าวว่า JCC ตระหนักถึงความสำคัญของโภชนาการในเด็กวัยเรียน
และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ มาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือและส่งเสริมในด้านอาหารและโภชนาการ
แก่เด็กและเยาวชนไทยในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการสนับสนุนงบประมาณสำหรับก่อสร้างโรงเรือน
การติดตั้งอุปกรณ์การเลี้ยง พันธุ์ไก่ไข่ อาหารสัตว์
และเวชภัณฑ์ในการเลี้ยงไก่ไข่รุ่นแรก ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน ครู ชุมชน
และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้าถึงแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพดี
ตลอดระยะเวลา 24
ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ
ภายใต้ความร่วมมือของ JCC รวม 146
โรงเรียนทั่วประเทศ โดยนำรายได้จากการเลี้ยงไก่ไข่รุ่นที่ 1
มาเป็นกองทุนบริหารจัดการในรุ่นต่อไป ส่งผลให้สามารถขยายผลสู่กิจกรรมอื่นๆ
เกิดการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน
นางวิภาวณี บุญศรี
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาคำ
กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันขับเคลื่อนโครงการฯ
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน ให้พวกเขาได้เข้าถึงโปรตีนที่ดี
ช่วยบรรเทาปัญหาทุพโภชนาการ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
ที่จะกลายเป็นพื้นฐานอาชีพให้กับเด็กๆอย่างเป็นรูปธรรม
และยังภูมิใจว่าพวกเขาคือคนสร้างคลังอาหารที่มั่นคงให้กับทั้งเพื่อนนักเรียนและชุมชน
ได้รับประทานไข่สดใหม่ทุกวัน ทำให้โรงเรียนกลายเป็นแหล่งอาหารของชุมชน
“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน”
เป็นความร่วมมือของ เครือซีพี โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และซีพีเอฟ
ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2532 โดยน้อมนำแนวพระราชดำริ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตาม
“โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน”
มาดำเนินการสานต่อ
เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลและในถิ่นทุรกันดาร
ได้บริโภคไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างโภชนาการที่ดี และการเติบโตสมวัย
ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ 959
โรงเรียนทั่วประเทศ มีนักเรียนกว่า 180,000 คน
คุณครูและบุคลากรทางการศึกษากว่า 1,300 คน ตลอดจนชุมชน
ได้เรียนรู้ทักษะการเลี้ยงไก่ไข่ การจัดการบริหารฟาร์มขนาดเล็ก
และประยุกต์กิจกรรมสู่การเรียนการสอน
กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญด้านการจัดการอาชีพเกษตรเชิงธุรกิจให้กับครู นักเรียน
ได้เรียนรู้การบริหารจัดการธุรกิจเกษตร สามารถบริหารจัดการผลผลิตไข่ไก่จำหน่ายให้แก่ชุมชน
ทำให้ได้บริโภคไข่ไก่สดในราคาที่เหมาะสม สร้างรายได้หมุนเวียน ต่อยอดขยายผล
เกิดเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน