นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
เปิดเผยว่า ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สามารถปลูกได้ในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย
ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 20 บาท และราคาอาจสูงถึง กิโลกรัมละ 70-90
บาทในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง
ทำให้ผลผลิตถั่วฝักยาวลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการผลิตฝักสดเพื่อส่งออกด้วย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้มีการพัฒนาพันธุ์ถั่วฝักยาวหลากหลายพันธุ์มีทั้งถั่วฝักยาวสีเขียว
สีเขียวปนม่วง และถั่วฝักยาวสีม่วง โดยเฉพาะถั่วฝักยาวสีม่วงมีจุดเด่นมีสารแอนโทไซยานินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ลดการเสื่อมโทรมของเซลล์ร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่รักและใส่ใจในสุขภาพ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าพันธุ์ถั่วฝักยาวสีม่วงยังไม่เป็นที่นิยมของตลาดและผู้บริโภคเท่าที่ควร
เนื่องจากพันธุ์ที่มีส่วนใหญ่ความหนาเนื้อน้อย ออกดอกช้า
อายุการเก็บเกี่ยวฝักแรกค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงพันธุ์ถั่วฝักยาวสีม่วงให้มีคุณภาพดี
ผลผลิตสูง มีความหนาเนื้อมากขึ้น อายุเก็บเกี่ยวเร็วขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคและเกษตรกร
และยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าถั่วฝักยาวให้มากขึ้นด้วย
นายอภิรักษ์
วงค์คำจันทร์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร
กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า
ในปี 2560 ได้เริ่มวิจัยปรับปรุงพันธุ์ถั่วฝักยาวเพื่อสร้างพันธุ์ถั่วฝักยาวสีม่วงพันธุ์ใหม่ที่เหมาะสำหรับการบริโภคสด
มีความกรอบและรสชาติดี ผลผลิตสูง อายุเก็บเกี่ยวเร็ว และมีความหนาเนื้อสูง จนได้ถั่วฝักยาวสีม่วงสายต้น
พจ.21-9-24-22 ซึ่งเป็นสายต้นดีที่คัดเลือกจากลูกผสมถั่วฝักยาวระหว่างพันธุ์ น่าน 1 (สายพันธุ์แม่) มีฝักสดสีม่วงแดง ฝักยาว
ผิวฝักเรียบ เมล็ดสีน้ำตาลแดง อายุออกดอกและอายุเก็บผลผลิตฝักแรกค่อนข้างเร็ว
ผลผลิตสูง แต่มีความหนาเนื้อและความหนาฝักน้อย ผสมกับถั่วฝักยาวสายพันธุ์ YB15 (สายพันธุ์พ่อ) มีฝักสดสีเขียว ผลผลิตสูง ความหนาเนื้อและความหนาฝักสูง
อายุออกดอกและอายุการเก็บเกี่ยวฝักแรกเร็ว
จากนั้นในปี
2563 ได้ปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ถั่วฝักยาวสีม่วงที่ผ่านการคัดเลือก
โดยใช้พันธุ์น่าน 1 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ดำเนินการในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร
และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรร้อยเอ็ด ในปี 2564 ปลูกทดสอบพันธุ์ในแปลงเกษตรกร
โดยใช้พันธุ์ น่าน 1 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ดำเนินการที่จังหวัดพิจิตร 2 ฤดูปลูก จังหวัดพิษณุโลก 1 ฤดูปลูก
และจังหวัดกำแพงเพชร 1 ฤดูปลูก รวมทั้งสิ้น 4 ฤดูปลูก
พบว่า ถั่วฝักยาวสีม่วงสายต้น พจ.21-9-24-22 ให้ผลผลิตสูงในทุกฤดูปลูก
ฝักสดสีม่วงเข้มตลอดทั้งฝัก การเจริญเติบโตทางด้านลำต้นดีขึ้นค้างได้เร็ว
คุณภาพการบริโภคดี จึงเสนอคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร พิจารณาถั่วฝักยาวสีม่วงสายต้น
พจ.21-9-24-22
เป็นพันธุ์แนะนำโดยใช้ชื่อพันธุ์ว่า “ถั่วฝักยาวสีม่วงพันธุ์ กวก.พิจิตร 1”
ลักษณะเด่น“ถั่วฝักยาวสีม่วงพันธุ์
กวก.พิจิตร 1” ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,942 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์น่าน
1 ร้อยละ
46.27 อายุเก็บเกี่ยวฝักแรก 44 วันหลังปลูก เร็วกว่าพันธุ์น่าน 1 จำนวน
5 วัน
สีฝักสดม่วงเข้ม กว่าพันธุ์น่าน
1
มีปริมาณสารแอนโทไซยานินเฉลี่ย 187.4
มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักสด
สูงกว่าพันธุ์น่าน 1 ที่มีปริมาณสารแอนโทไซยานิน 115.6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักสด
ความหนาเนื้อเฉลี่ย 2.05 มิลลิเมตร มากกว่าพันธุ์ น่าน 1 ที่มีความหนาเนื้อเฉลี่ย 1.53
มิลลิเมตร ลักษณะฝักตรง
ผิวฝักย่น มีความยาวฝักสดเฉลี่ย 44.88 เซนติเมตร
และมีความยาวฝักสูงสุด 49.46 เซนติเมตร เหมาะสำหรับการรับประทานฝักสดเพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
“ถั่วฝักยาวสีม่วงพันธุ์
กวก.พิจิตร 1 ปลูกในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์จะให้ผลผลิตดีที่สุดปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร
มีเมล็ดพันธุ์คัด 3 กิโลกรัม เมล็ดพันธุ์หลัก 5 กิโลกรัม และมีแผนที่จะขยายเมล็ดพันธุ์ชั้นขยายจำนวน 50 กิโลกรัม รวมทั้งในเดือนพฤศจิกายน 2567 - กุมภาพันธ์
2568 วางแผนที่จะผลิตเมล็ดพันธุ์ชั้นจำหน่ายจำนวน 150
กิโลกรัม
เพื่อเตรียมความพร้อมในการขอรับพันธุ์จากเกษตรกรและผู้ที่สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร
โทรศัพท์ 056 990 035” นายอภิรักษ์
กล่าว