นักศึกษาโครงงานกลุ่มเชิงปฏิบัติการของหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง
การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) รุ่นที่ 23 สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.2567
พลิกวิกฤตปลาหมอคางดำ แปรรูปสินค้าสู่ข้าวเกรียบใจบุญ
ต่อยอดธุรกิจร่วมกับวิสาหกิจชุมชนเกษตรสวนนอก จ.สมุทรสงคราม หวังสร้างรายได้ให้ชุมชน
ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
นายวิทวัส
ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า
หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน ของสถาบันพระปกเกล้า มีพันธกิจ คือ
การอบรมผู้นำหรือนักศึกษาที่มีศักยภาพ โดยเป็นข้าราชการระดับซี 9 ขึ้นไป
หรือเป็นผู้บริหารขององค์กรทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ให้มีความรู้
ทักษะและความสามารถที่จำเป็นของการเป็นผู้นำในด้านการเสนอแนะนโยบาย
และการนำนโยบายไปปฏิบัติ ทั้งนี้
หลักสูตรดังกล่าวนักศึกษาจะมีการนำเสนอโครงงานกลุ่มเชิงปฏิบัติการของหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง
โดยเน้นให้นักศึกษาทำโครงงานโดยการลงพื้นที่จริง เพื่อทำงานที่เป็นประโยชน์กับภาคสังคมอย่างแท้จริง
และที่สำคัญคือเป็นโอกาสที่ผู้บริหารทั้งหมดมีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ใช้เครือข่ายที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อภาคประชาสังคม
ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยในด้านรายได้ การศึกษา เป็นต้น
“ดังเช่นนักศึกษาโครงงานกลุ่มเชิงปฏิบัติการของหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง
การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) รุ่นที่ 23
ที่ได้รวมตัวกันนำเสนอโครงงานการพลิกวิกฤตปลาหมอคางดำ
โดยการจับมือพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบใจบุญจากปลาหมอคางดำร่วมกับท้องถิ่น คือ
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรสวนนอก จังหวัดสมุทรสงคราม นำองค์ความรู้เรื่องการแปรรูป
วางแผนการผลิต ออกแบบผลิตภัณฑ์ วางแผนการตลาดถ่ายทอดสู่กลุ่ม ฯ สามารถนำปัจจัยที่เป็นปัญหาต่อสภาพแวดล้อม
และกระทบต่อเศรษฐกิจของท้องถิ่นและประเทศอย่างปลาหมอคางดำแปรเปลี่ยนเป็นรายได้ให้ชุมชน
และชุมชนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการถ่ายทอดไปต่อยอดเป็นอาชีพอื่น ๆ ได้อีก
ช่วยสร้างรายได้ต่อตนเองและท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน
สมดังเจตนาของสถาบันพระปกเกล้าด้านการสร้างโอกาส เพิ่มศักยภาพให้ภาคประชาสังคม
ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ ช่วยให้สังคมอยู่ดีมีสุขมากยิ่งขึ้น
ก่อเกิดประโยชน์ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ”
เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้ากล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการหลักสูตร ปรม. และที่ปรึกษาโครงการ ฯ กล่าวว่า
นักศึกษา ปรม. รุ่นที่ 23 สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.2567
ได้ศึกษาสถานภาพปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
และทำความเข้าใจปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยการลงพื้นที่ทำงานร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสวนนอก
ที่จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก
เพื่อทำความเข้าใจปัญหาและเพื่อเข้าถึงปัญหาความเดือดร้อนที่แท้จริง
ทำความร่วมมือกับทั้งภาคเอกชน เครือข่ายภาครัฐอย่างมีธรรมาภิบาล จึงพบว่า
การป้องกันและการแก้ไขปัญหาไม่สามารถทำได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม
นำมาซึ่งการสร้างเครือข่ายผนึกกำลัง
พลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยใช้แนวคิดการแปรรูปปลาหมอคางดำเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
จะเป็นหนทางการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมมีประสิทธิภาพยั่งยืนที่สุด
เนื่องจากชุมชนจะได้ผลิตภัณฑ์ที่นำไปจำหน่าย หรือนำไปบริโภคเอง
ซึ่งช่วยแก้ปัญหาปากท้อง สร้างรายได้ให้กับประชาชนได้รวดเร็วที่สุด
“นักศึกษามีกระบวนการทำงานในเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นตอน
ตั้งแต่เทคโนโลยีการแปรรูปที่ถูกสุขอนามัย การทดสอบคุณภาพของเนื้อปลา
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การคำนวณต้นทุน การวางแผนธุรกิจ การวางแผนการตลาด
ช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าออนไลน์ จนกระทั่งได้ผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบใจบุญ
ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ถูกสุขอนามัย
ชุมชนสามารถนำไปต่อยอดปฏิบัติได้เองจริง
นอกจากช่วยบรรเทาปัญหาความเดือนร้อนเรื่องการแพร่ระบาดแล้วยังสร้างอาชีพ
เพิ่มรายได้ เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก นับว่าเป็นการพลิกวิกฤตปลาหมอคางดำให้เป็นโอกาสอย่างแท้จริง”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปัณรส กล่าว
ผอ.หลักสูตร
ปรม. และที่ปรึกษาโครงการ ฯ กล่าวสรุปว่า การปฏิบัติงานในโครงงาน ฯ
ที่กล่าวถึงข้างต้น ช่วยส่งเสริมองค์ความรู้ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความเป็นพลเมือง
โดยส่งเสริมการร่วมคิดร่วมทำ เสริมสร้างศักยภาพที่จะพัฒนาธุรกิจแปรรูปให้กับชุมชน
ด้านประชาธิปไตย โดยการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น เสนอแนวทางแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
และตัดสินใจร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชนเพื่อบริหารจัดการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภายใต้ความเป็นประชาธิปไตย และ
ด้านธรรมาภิบาล โดยกำหนดนโยบายและการบริหารภาครัฐในการบริหารความเสี่ยงจากกิจกรรมที่ส่งผลต่อระบบนิเวศ
มีระบบบริหารจัดการในการป้องกัน แก้ไข บำบัด ฟื้นฟู ที่ตรวจสอบได้
และทุกภาคส่วนได้บูรณาการการทำงานร่วมกัน
ทำให้วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่มีความความรับผิดชอบต่องานที่ทำอย่างจริงจัง
“คาดหวังว่าการสร้างเครือข่ายของผู้ที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาชุมชน
จะทำให้ท้องถิ่นมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เพื่อต่อยอดให้สังคมดีขึ้นด้วย”
ด้านนางบุปผา
ไวยเจริญ ปะธานศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจชุมชนเกษตรสวนนอก อ.บางคนที เปิดเผยว่า
นักศึกษา ปรม. รุ่นที่ 23 สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.2567
ได้นำองค์ความรู้มาช่วยแปรรูปปลาหมอคางดำ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบใจบุญ
เริ่มตั้งแต่การได้ร่วมพูดคุยแก้ปัญหาร่วมกัน จนได้แนวทางแก้ไขปัญหาและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้สมาชิก
เริ่มตั้งแต่เทคโนโลยี ขั้นตอน
วิธีการผลิตข้าวเกรียบจากปลาหมอคางดำให้ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐานสินค้าในที่สุด
“นอกจากนี้ยังได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการแปรรูปและการทำตลาดไปสู่กลุ่มอื่น
ๆ ในจังหวัดอีกหลายกลุ่มด้วย ช่วยให้สมาชิกเกษตรกรทุกเพศ ทุกวัย
เกิดความมั่นใจและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
พร้อมจะพัฒนาศักยภาพตนเองเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตไปพร้อม ๆ กัน เกิดแรงบันดาลใจใหม่
ๆ ที่สำคัญได้เรียนรู้ว่าการร่วมมือกันจะช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี”