วันที่ 1 ตุลาคม 2567
กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 52 ปี ณ บริเวณลานหน้าพระอนุสาวรีย์กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์ กรุงเทพฯ โดยมี นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีถวายพานพุ่มสักการะพระอนุสาวรีย์
พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และอ่านสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 52 ปี
พร้อมทั้งมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานแก่บุคลากรของกรมส่งเสริมสหกรณ์
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์
ครบรอบ 52 ปี
กรมส่งเสริมสหกรณ์จะขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐโดยมุ่งผลักดันให้สหกรณ์ภาคการเกษตร
ภายใต้หัวข้อ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์“
ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำมาเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์
เพื่อให้สหกรณ์ภาคการเกษตรทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรในชุมชนแบบมืออาชีพ
มีการสร้างกลุ่มอาชีพเพื่อสร้างอาชีพเสริม
รวมถึงมีการสร้างกลุ่มอาชีพเพื่อสร้างอาชีพเสริมการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านการตลาดผลผลิตในสถาบันเกษตรกร
เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568
กรมส่งเสริมสหกรณ์มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของเกษตรกรและสหกรณ์ภาคการเกษตรให้มีความเข้มแข็ง
โดยการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทำระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision
Agriculture) ฟาร์มเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ในพื้นที่การเกษตรแบบแปลงใหญ่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ได้ปริมาณต่อไรเพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต
และเพิ่มคุณภาพผลผลิตทั้งในด้านคุณภาพและความปลอดภัยให้เป็นที่ยอมรับของตลาด
ทั้งในด้านคุณภาพและความปลอดภัย รวมทั้งมีการส่งเสริมและพัฒนาร้านค้าสหกรณ์ให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าเกษตรทั้งทางตรงและช่องทางออนไลน์ให้มีความเข้มแข็ง
และผลักดันการเชื่อมโยงเครือข่ายร่วมกันระหว่างสหกรณ์ภาคการเกษตรและสหกรณ์นอกภาคเกษตร
อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า
เป้าหมายการทำงานภายในปี 2568
กรมส่งเสริมสหกรณ์จะมุ่งพัฒนา “สหกรณ์”
ให้เป็นสถาบันเกษตรกรที่มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก และพัฒนา
“บุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์” ให้มีศักยภาพในการทำงานสูง
สามารถเข้าไปดำเนินงานร่วมกับสหกรณ์ที่รับผิดชอบได้
เพื่อให้สามารถดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายทั้ง 7 เป้าหมาย
ได้แก่ 1) ตลาดนำการผลิต เป็นการผลักดันแนวคิด “ตลาดนำ
นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์” 2) การแก้ปัญหาหนี้สินสมาชิกสหกรณ์
โดยตั้งเป้าหมายไว้ให้ได้อย่างน้อย 25% ของหนี้ NPL
3) การส่งเสริมปริมาณธุรกิจสหกรณ์ให้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3% ของธุรกิจสหกรณ์ 4) ฟื้นฟูสหกรณ์ที่ขาดทุนสะสมให้มีกำไรเพิ่มขึ้น
25% 5) การพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร
ให้มีความเข้มแข็ง ชั้น 1 และชั้น 2
เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 6) การพัฒนาบุคลากร จะต้องพัฒนาบุคลากรของสหกรณ์
และบุคลากรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้มีความเข้มแข็ง
เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น 7) การเตรียมความพร้อม
และเริ่มดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2568
ให้เสร็จภายในไตรมาสแรก เพื่อให้สามารถคาดการณ์ถึงปัญหาหรืออุปสรรคที่จะเกิดขึ้น
และสามารถวางแผนรับมือได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็ว
สำหรับกรมส่งเสริมสหกรณ์
ถือเป็นหน่วยงานสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2515 มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน แนะนำ กำกับ
และดูแลระบบสหกรณ์ของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “การสหกรณ์มั่นคง
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเข้มแข็ง เศรษฐกิจและสังคมของชุมชนยั่งยืน”
ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสหกรณ์ 7 ประเภท ได้แก่
สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนและสหกรณ์ออมทรัพย์
และสหกรณ์เป็นหนึ่งในสถาบันเกษตรกรที่มีบทบาทในการพัฒนาศักยภาพของสมาชิก
ซึ่งมีหน้าที่สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็ง ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในภาวะวิกฤติ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของบุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่จะต้องเข้าไปขับเคลื่อน
ผลักดัน สร้างความรู้แก่สหกรณ์อย่างรอบด้าน ทั้งด้านการผลิต การบริหาร
การและตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งเป็นองค์ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้มวลสมาชิกได้อย่างแท้จริง