สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA จัดกิจกรรม “สื่อมวลชนสัญจร” ภายใต้หัวข้อ
"นวัตกรรมงานวิจัย ARDA สู่ความมั่นคงด้านอาหารและภาคการเกษตรไทยที่ยั่งยืน"
โดยนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก ARDA
เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นและสร้างการยอมรับ
อุตสาหกรรมอาหารและภาคการเกษตรของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน
ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม และเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 20 -21 มกราคม 2568 ณ จังหวัดสมุทรสงครามและเพชรบุรี
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ
ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร (food security) ในขณะเดียวกันความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัยของประชาชนกำลังเป็นประเด็นที่กำลังถูกจับตามองเช่นเดียวกัน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้
ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นแต่ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
รวมถึงยังเป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกรฐานราก
ซึ่งจะเป็นการสร้างและกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
กิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรในครั้งนี้ ทาง ARDA ได้นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมนวัตกรรมงานวิจัยที่ให้การสนับสนุนทุนวิจัยในการยกระดับวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่มาจากภาคเกษตรกร
รวมถึงการแปรรูปเป็นอาหารที่สร้างมูลค่า ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม
เพิ่มรายได้” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมอาหารของไทย
ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้
มีการลงพื้นที่ติดตามใน 4 โครงการวิจัย
โดยเริ่มต้นจุดแรกได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการ
"การพัฒนาการเพาะพันธุ์และอนุบาลหอยแครง Tegillorca granosa
(Linnoeus, 1758) โดยร่วมกับฟาร์มเพาะเลี้ยงของเกษตรกร” ณ
วรเดชฟาร์ม ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โครงการวิจัยที่มุ่งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำในระดับสูงมาสร้างความยั่งยืนให้ทรัพยากรทางทะเล
เนื่องจากหอยแครงมีผลผลิตในธรรมชาติลดลงส่งผลให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรจนเกิดปัญหาขัดแย้งในพื้นที่
สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงและความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเลไทย ย้อนกลับไป 20 ปี พบว่าประเทศไทยเคยมีผลผลิตหอยแครงสูงสุดถึง 82,000 ตัน/ปี และมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ จนในปี 2565
จากสถิติของกรมประมงพบว่า ผลผลิตหอยแครงทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 32,600 ตัน/ปี จังหวัดสมุทรสงครามเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบปัญหาดังกล่าว
สภาเกษตรกรจังหวัดสมุทรสงครามได้แจ้งปัญหาไปยัง
ARDA เพื่อหาแนวทางในการใช้เทคโนโลยีช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
ARDA ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนจึงได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และกรมประมง เพื่อดำเนินโครงการฯ
โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์และอนุบาลลูกหอยโดยใช้พ่อแม่พันธุ์ในพื้นที่ตำบลคลองโคน
ตั้งแต่การรวบรวมพันธุ์หอยแครงมากระตุ้นให้ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์
ด้วยวิธีการผสมเทียม (Artificial Breeding) การเพาะเลี้ยงแพลงก์ตอนพืชเพื่อใช้เป็นอาหารลูกหอยระยะว่ายน้ำและระยะลงเกาะช่วงแรก
เพื่อให้ได้ลูกหอยขนาด 5 มิลลิเมตร
ซึ่งเป็นขนาดที่มีอัตราการรอดสูงและเกษตรกรสามารถนำไปเลี้ยงต่อให้เป็นหอยแครงขนาดใหญ่
สำหรับผลการดำเนินงานในปัจจุบัน
ทางคณะวิจัยสามารถเพาะอนุบาลลูกหอยแครงได้ขนาดมากกว่า 1
มิลลิเมตร รวมกว่า 1 แสนตัว และเตรียมนำไปอนุบาลต่อไป
โครงการวิจัยนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการพึ่งพาการเก็บเกี่ยวหอยแครงจากธรรมชาติ
แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการรอดของลูกหอย ลดการใช้ลูกพันธุ์หอยหอยต่างถิ่น
ลดความเสี่ยงจากโรค และช่วยฟื้นฟูประชากรหอยแครงในธรรมชาติ
ซึ่งจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพการเพาะเลี้ยงหอยแครง ให้พร้อมแข่งขันในตลาดอาหารทะเลในระดับโลกควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และการพัฒนาที่ตอบสนองต่อเป้าหมายความยั่งยืนอย่างแท้จริง
จากนั้น
คณะสื่อมวลชนได้เดินทางไปยังจุดที่ 2
โรงเรียนการอาหารนานาชาติเพชรบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี จ.เพชรบุรี
เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมภายใต้แผนงานวิจัย“เพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร UNESCO
สู่การเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน”
งานวิจัยที่จะเสริมจุดแข็งของจังหวัดเพชรบุรี ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่นด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการใช้อัตลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่น
เพื่อยกระดับการผลิตอาหารให้สมกับที่ UNESCO ได้ประกาศให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของโลก
โดยแผนงานวิจัยนี้แบ่งออกเป็น 3 โครงการวิจัยย่อย ประกอบด้วย
โครงการวิจัยย่อยที่ 1 การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและมีคุณภาพ
และTraceability โครงการวิจัยย่อยที่ 2
การยกระดับอาหารท้องถิ่นเมืองเพชรสู่มาตรฐานสากล และโครงการวิจัยย่อยที่ 3
การประเมินและการวัดผลการดำเนินโครงการเพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารสู่การเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ ทางคณะสื่อมวลชนได้ชิมเมนูขนมหวานเมืองเพชรที่เป็นทั้งเมนูต้นตำรับ
และฟิวชัน ประกอบด้วย จานที่ 1
กระทงทองเมี่ยงคำเครมบูเล่สังขยาลูกตาล ดาราทอง จานที่ 2
หม้อแกงคัสตาร์ดเผือก จานที่ 3 ลูกตาลหนึบ ทองม้วน
เชอร์เบทมะนาว สำหรับโครงการฯ สามารถสร้างมูลค่าผลตอบแทนปัจจุบันสุทธิ จำนวน 3,455,460 บาท ถือว่าช่วยตอบโจทย์เรื่องการอนุรักษ์ต้นตำรับอาหารเมืองเพชรบุรีให้
ซึ่งจะเชื่อมโยงกับเส้นทางการท่องเที่ยวที่จะช่วยเพิ่มรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งถือเป็นการให้ผลตอบแทนทางสังคมที่เป็นประโยชน์คุ้มค่า
จากนั้น ในวันที่ 21 มกราคม ผู้อำนวยการ ARDA ได้นำคณะสื่อมวลชน
เยี่ยมชมจุดที่ 3 โครงการ "การกระจายพันธุ์กุ้งขาวแวนนาไม
พันธุ์ปรับปรุงสู่ภาคการผลิตเชิงพาณิชย์" ณ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี กรมประมง
ซึ่งเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีในการปรับปรุงกุ้งขาวแวนนาไม จนเกิดกุ้งขาวสายพันธุ์ใหม่
2 สายพันธุ์ ได้แก่
"เพชรดา 1" เจริญเติบโตดี และ “ศรีดา 1”
ต้านทานโรค EMS-AHPND
พร้อมขยายผลความสำเร็จโดยต่อยอดโครงการ
“การกระจายพันธุ์กุ้งขาวแวนาไมพันธุ์ปรับปรุงสู่ภาคการผลิตเชิงพาณิชย์” เพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตกุ้งทะเลคุณภาพดี
มีความต้านทานโรค
สร้างเป็นทางเลือกให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตถึง 10 ล้านตัว/ปี
ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้เกษตรกรลดการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ
ลดการใช้พ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวจากบ่อดินซึ่งมีความเสี่ยงกับเชื้อก่อโรค
ที่อาจสร้างความสูญเสียผลผลิตของเกษตรกรจากโรคระบาด โดยโครงการวิจัยนี้ได้กระจายพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวแวนนาไมทั้ง
2 สายพันธุ์จำนวน 5,150 คู่ สู่เกษตรกรโรงเพาะฟัก
จำนวน 5 ราย เกษตรกรโรงอนุบาลจำนวน 15
ราย และเกษตรกรผู้เลี้ยงจำนวน 50 ราย
โดยผลผลิตจากงานวิจัยข้างต้น
ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรโรงเพาะฟัก
ทำให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากการลดจำนวนกุ้งที่ตายโดยเชื้อก่อโรค คิดเป็นมูลค่า 8,640,000 บาท/ปี ส่วนเกษตรกรโรงอนุบาล
ให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากการลดจำนวนกุ้งทดแทนจากการนำเข้า คิดเป็นมูลค่า 20,736,000 บาท/ปี ตลอดจนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง
มีกำไรเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายกุ้งที่เพิ่มขึ้นจากเดิม คิดเป็นมูลค่า 2,709,504 บาท/ปี คิดเป็นมูลค่า ผลประโยชน์รวม 32,085,504
บาท/ปี
จากนั้น ARDA ได้นำคณะสื่อมวลชน
ไปยังโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างแบบผสมผสาน ตามพระราชดำริฯ ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม
จ.เพชรบุรี เพื่อเยี่ยมชมหนึ่งในพื้นที่ดำเนินโครงการ
“การขยายผลนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงและการแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลเชิงพาณิชย์
เพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวในชุมชนชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี ระยอง และจันทบุรี” ที่ ARDA
ให้ ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่ ARDA ให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่กรมประมง
เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์น้อย
โดยโครงนี้ตั้งเป้าหมายถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรในการนำนวัตกรรมงานวิจัยมาเพิ่มมูลค่าผลผลิต
ตั้งแต่กระบวนการเพาะเลี้ยงในถังพลาสติกไปจนถึงการแปรรูปสร้างมูลค่า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ที่เน้นบริโภคผลิตภัณฑ์ที่รับประทานได้สะดวก รวดเร็ว
มีคุณค่าทางโภชนาการปลอดภัยต่อสุขภาพ และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“สาหร่ายผักกาดทะเล”
เป็นหนึ่งในสาหร่ายเศรษฐกิจที่มีความพร้อมในการผลักดันสู่อาหาร Future food
เนื่องจากสามารถนำมาแปรรูปเป็นเมนูได้หลากหลายโดยจุดเด่นที่น่าสนใจของสาหร่ายชนิดนี้คือ
ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงสั้นเพียง 3-4 สัปดาห์
ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่ายได้ ทำให้บริหารจัดการการเลี้ยงได้ง่าย
อีกทั้งราคาผลผลิตสดสามารถจำหน่ายได้ราคา 300-500
บาท/กิโลกรัม และแบบแห้งราคาสูงถึง 5,000 บาท/กิโลกรัม
สำหรับโครงการนี้คาดว่าจะมีผลผลิตสาหร่ายผักกาดทะเลออกจำหน่ายแก่ผู้บริโภคไม่ต่ำกว่า
3,500 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.4
ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่น้อยกว่า
เฉพาะการแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลมีรายได้อย่างน้อย 13,000
บาท/ราย เป็นการเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจ
เกิดเป็นศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลและเป็นต้นแบบในการต่อยอดขยายผลไปยังพื้นที่อื่นต่อไป
นอกจากนี้
คณะสื่อมวลชนได้เดินทางไปยัง Family Farm เพื่อเยี่ยมชมฟาร์มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยเป็นฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่นแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะเลี้ยงจากกรมประมง
ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการผลิตและจำหน่ายสาหร่ายและผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายต่าง ๆ
เฉลี่ย 180,000 บาท/เดือน และล่าสุดได้เข้ารับการอบรมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดกับทางกรมประมง
และนำมาต่อยอดทดลองเลี้ยงในฟาร์มในบ่อไฟเบอร์กลาสประมาณ 10
ถัง สามารถสร้างผลผลิตสาหร่ายผักกาดทะเลได้ 10 - 20
กก./เดือน สร้างรายได้ประมาณ 10,000 / เดือน