กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภาคเอกชน
นำโดย นายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ และ นายชนะศักดิ์
จุมพลอนันต์ นายกสมาคมกลุ่มเกษตรกรผู้รวบรวมน้ำนมดิบ
พร้อมด้วยตัวแทนสมาคมกลุ่มเกษตรกรผู้รวบรวมน้ำนมดิบ สมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์
สมาคม SME ผู้รวบรวมน้ำนมดิบและแปรรูป และเกษตรกรกว่า 200 คน
นัดรวมตัวบุกทำเนียบรัฐบาลเช้าวันนี้ (21 มีนาคม 2568)
เพื่อยื่นแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
3 มีนาคม 2568 ที่มีการทบทวนและเห็นชอบเรื่องระบบการบริหารจัดการนมโรงเรียน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอก่อนหน้านี้
โดยในประเด็นโครงสร้างระบบบริหารโครงการนมโรงเรียน ที่มีการแบ่งกลุ่มพื้นที่จาก 5
เขต พื้นที่เป็น 7 เขตพื้นที่ และการเพิ่มวัตถุประสงค์ของโครงการนมโรงเรียน จำนวน
4 ข้อ ซึ่งอ้างว่าเพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีความยั่งยืนในอาชีพ และสหกรณ์โคนม
รัฐวิสาหกิจ และสถาบันการศึกษา มีตลาดนมโรงเรียนรองรับนั้น
เป็นการแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ
โดยเป็นการกระทำที่ไม่เห็นความสำคัญของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภาคเอกชนที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต
ไม่เคยร้องขอดอกเบี้ยต่ำจากรัฐ ไม่เคยร้องขอเงินสนับสนุนให้เปล่า
และไม่เคยเลี่ยงภาษี แต่กลับถูกละเลย และเลือกปฏิบัติสองมาตรฐานจากภาครัฐมาโดยตลอด
การยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีครั้งนี้
เพื่อขอความช่วยเหลือในการทบทวนยกเลิกมติ
หรือดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภาคเอกชน
และผู้ประกอบการโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนภาคเอกชน
เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้ต่อไป และสามารถเข้าถึงงบประมาณของรัฐที่มีวัตถุประสงค์หลัก
ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งประเทศ
เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพผู้ประกอบการสามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างเป็นธรรม
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีติดภารกิจในวันนี้ จึงมอบหมายให้ นายสมคิด เชื้อคง
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับเรื่องแทน
“พวกเราขอให้นายกรัฐมนตรีโปรดดำเนินการแก้ไขโดยด่วน
และเพื่อให้การบริหารโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนมีประสิทธิภาพและให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมทันเปิดภาคเรียนปีการศึกษา
2568 นี้ ขอให้ท่านสั่งการให้ใช้ประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา
2566 เพื่อให้เด็กนักเรียน เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้ประเทศ
และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ได้รับความเป็นธรรม
ตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการอย่างแท้จริง ” นายวสันต์ จีนหลง
นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ กล่าว
จากนั้นกลุ่มเกษตรกรได้เดินทางต่อไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อยื่นหนังสือต่อ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งในวันนี้ติดภารกิจไม่สามารถออกมารับเรื่องได้ จึงมอบหมายให้ นายอภัย
สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
โดยหนังสือเรียกร้องต้องการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับทราบถึงผลกระทบของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
3 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่มีต่อกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกว่า 7,000 ครัวเรือน
และเรียกร้องให้มีทบทวนมติดังกล่าว พร้อมถอดบทเรียนจากการบริหารจัดการนมโรงเรียนในปี
2567 ซึ่งมีเกษตรกรได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการทำประชาพิจารณ์โครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนปี 2568
โดยขอให้ภาครัฐเปิดเผยผลการประชาพิจารณ์ต่อสาธารณชน
และนำผลการประชาพิจารณ์มาใช้ในการพิจารณาดำเนินการ
“หลังจากที่เรารับทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีที่มีการทบทวนโครงการอาหารเสริม
(นม) โรงเรียน
ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงโคนมโดยเฉพาะกลุ่มที่ขายน้ำนมดิบให้กับเกษตรกรภาคเอกชน
วันนี้มติคณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับภาคสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ และสถาบันการศึกษา
ส่งผลให้พวกเราที่ผลิตนมได้ 49% ของทั้งประเทศ ได้รับความเดือดร้อน
ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มไม่ซื้อนมจากพวกเรา ทำให้พวกเราเดือดร้อน
เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไม่ควรถูกแบ่งแยก
เราไม่อยากเป็นเกษตรกรที่เลี้ยงโคนมชนชั้นสองของประเทศไทย
เราภูมิใจกับอาชีพพระราชทาน เราไม่เคยขอความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย
และเราให้ความร่วมมือกับภาครัฐมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องโควิด การป้องกันโรคระบาด
หรือต้นทุนที่สูงในการเลี้ยงโคนม เกษตรกรก็อดทนมาโดยตลอด
เราลงทุนพัฒนาเพื่อการแข่งขันกันมาก่อนหน้านี้
และเป็นเกราะป้องกันไม่ให้รัฐต้องนำนมผงจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่ดีและมีคุณภาพ
ผู้ประกอบการที่ซื้อน้ำนมดิบ เขายังเข้าถึงงบประมาณของรัฐ
แต่ในขณะที่ภาคเอกชนที่ซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร 54 แห่ง รวมจำนวน 928.014 ตัน/วัน
หรือคิดเป็น 49% ของทั้งประเทศ กลับได้รับสิทธิที่เหลือจากภาครัฐ และสหกรณ์
ซึ่งมีปริมาณซื้อน้ำนมดิบในประเทศน้อยกว่าภาคเอกชน
เราจึงมาขอความเป็นธรรมและอยากเห็นกระทรวงเกษตรฯ ให้ความเป็นธรรม
และความเสมอภาคกับพวกเราด้วย” นายวสันต์ จีนหลง กล่าวทิ้งท้าย