ประเทศไทยถูกขนานนามว่าเป็น
“ราชาแห่งทุเรียน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งออกทุเรียนไปยังตลาดโลกปีละไม่ต่ำกว่า
800,000 ตันต่อปี อยู่ในภาคตะวันออกของไทย 300,000 ตัน ภาคใต้ประมาณ 500,000 ตัน
คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านบาท โดยตลาดส่งออกหลักของไทยยังคงเป็นประเทศจีนที่มีการนำเข้าปีละไม่ต่ำกว่า
700,000 ตัน และถึงแม้ทุเรียนเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทย
แต่การคัดแยกระดับความอ่อน-แก่และการตรวจสอบปัญหาหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนยังคงเป็นความท้าทายสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย
ซึ่งหากไทยไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ นั่นไม่เพียงแต่จะเสียแชมป์ส่งออกทุเรียนเบอร์
1 ของโลก แต่ยังเป็นการสูญรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความต้องการสูง
แต่ปัญหาใหญ่ที่พบบ่อยและกระทบต่อการตลาดส่งออกทุเรียน คือ
ปัญหาหนอนในผลทุเรียนและการเก็บทุเรียนอ่อนมาจำหน่าย
อีกทั้งยังพบการลักลอบส่งออกทุเรียนอ่อนไปตลาดต่างประเทศ
ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
และทำลายความเชื่อมั่นในคุณภาพทุเรียนไทยทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นหากประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยคัดกรองทุเรียนที่แม่นยำก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและแก้ปัญหาดังกล่าวได้
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA
จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
เพื่อดำเนินโครงการ “การออกแบบเครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่
และหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนด้วยเทคนิค CT-Scan ร่วมกับการประมวลผลผ่านโครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึก”
เพื่อออกแบบ และพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบความอ่อน - แก่
และหนอนในผลทุเรียนด้วยเทคนิค CT-Scan ระดับโรงคัดบรรจุ
ที่มีความแม่นยำไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
“ปัจจุบันการประเมินทุเรียนอ่อนแก่จะใช้วิธีฟังเสียงเคาะ
ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเกษตรกร แต่ก็ไม่สามารถยืนยันผลได้ 100%
ขณะที่หนอนมีวงจรชีวิตอยู่ข้างในและเติบโตพร้อมผลทุเรียนจึงไม่รู้ว่าทุเรียนแต่ละลูกมีหนอนหรือไม่
เพราะยังไม่มีวิธีตรวจสอบ แต่การใช้เทคนิค CT-Scan ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีความละเอียดสูง
ร่วมกับการประมวลผลผ่านโครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึกด้วย AI ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ
จะทำให้สามารถวิเคราะห์ความอ่อนแก่ของทุเรียนได้อย่างแม่นยำและมองเห็นหนอนที่อยู่ภายในผลทุเรียนได้
นับเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยคัดกรองและรักษาคุณภาพมาตรฐานทุเรียนไทยที่มีประสิทธิภาพสูงก่อนส่งออกไปสู่ตลาดโลก
ซึ่งหากเราไม่หาวิธีตรวจสอบคุณภาพทุเรียน
ไทยอาจเสียแชมป์การส่งออกทุเรียนให้กับประเทศผู้ค้ารายอื่น
ที่พยายามแบ่งตลาดส่งออกทุเรียนไปจากประเทศไทย โดยเฉพาะเวียดนามที่ปี 2567
การส่งออกทุเรียนเติบโตขึ้นถึง 7.8 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2565
และบางช่วงเวลามีมูลค่าการส่งออกมากกว่าไทย หรือประเทศมาเลเซียที่กำลังวิจัยพัฒนาพันธุ์ทุเรียนที่คาดว่าจะเป็น
Killer of Mon-Thong หรือผลิตมาเพื่อฆ่าหมอนทองของไทย
ซึ่งจะทำให้เราสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันและเสียรายได้ไปอย่างน่าเสียดาย”
ผู้อำนวยการ ARDA กล่าว
ด้าน รศ.ดร.ชาญชัย ทองโสภา
สาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำนักวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า เครื่องตรวจ CT-Scan ทุเรียนเกิดขึ้นจากสมมติฐานทางการแพทย์ที่ใช้เครื่องดังกล่าวสแกนร่างกายมนุษย์ที่มีความซับซ้อน
จึงคาดว่าน่าจะใช้กับทุเรียนได้เช่นกัน ทางคณะผู้วิจัยฯ จึงได้นำเครื่อง CT-Scan
ตกรุ่นปลดระวางจากบริษัทเอกชนที่ให้บริการด้านเครื่องมือแพทย์
มาพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบ และนำผลทุเรียนเข้าไปทดลอง พบว่าสามารถมองเห็นความอ่อน -
แก่ และหนอนในทุเรียนได้อย่างชัดเจน โดยเครื่องจะสแกนภาพออกมาหลายเฟรม
ในแต่ละเฟรมจะแสดงค่า CT-Numbers ที่บ่งบอกถึงความหนาแน่นของวัตถุ
โดยการเปรียบเทียบกับความหนาแน่นของน้ำส่วนไหนที่มีความหนาแน่นมากกว่าน้ำภาพจะเป็นสีขาว
ส่วนที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ เช่น อากาศ จะมีภาพเป็นสีดำ
ซึ่งทุเรียนอ่อนจะมีน้ำเยอะกว่าทุเรียนแก่ โดยปัญหาการทดลองช่วงแรกพบว่า เมื่อเครื่องสแกนทุเรียนแล้ว
ตัวสายพานรางเลื่อนผลทุเรียนจะย้อนกลับออกมาทางเดิม
ซึ่งทางคณะผู้วิจัยได้มีการปรับแก้ไขให้รางเลื่อนผ่านไปทางเดียว
ไม่ต้องย้อนกลับมาทางเดิมอีก
เนื่องจากหากต้องนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ที่มีผลผลิตจำนวนมากเครื่องต้องสามารถทำงานได้รวดเร็วและไม่ยุ่งยากซับซ้อน
“ปัจจุบันเครื่องต้นแบบ CT-Scan สามารถสแกนผลทุเรียนออกมาเป็นภาพที่มีความละเอียดสูง
ด้วยระยะห่าง 1 ซม./เฟรม หมายความว่าหากผลทุเรียนยาว 30 ซม.
เมื่อผ่านเครื่องสแกนจะได้ภาพออกมา 30 เฟรม ในแต่ละเฟรมห่างกัน 1 ซม.
ครอบคลุมพื้นที่ตลอดผล จากนั้นจะนำค่า CT-Numbers ที่ได้ในแต่ละเฟรมมาประมวลผลด้วย
AI ซึ่งถูกเขียนและพัฒนาขึ้นใหม่โดยเฉพาะ
ให้สามารถจำแนกลักษณะความสุกและตรวจหาหนอนภายในลูกทุเรียนได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณระยะเวลาขนส่งในการส่งออกให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ
อีกทั้งการตรวจสอบยังใช้เวลาเพียง 3 วินาทีต่อลูก หรือ 1,200 ลูก/ชั่วโมง
ไม่ว่าจะวางผลทุเรียนเข้าสู่เครื่องสแกนลักษณะใด ระบบดังกล่าวก็สามารถสแกนได้
ซึ่งเป็นการช่วยลดเวลาและลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกทุเรียนให้กับล้ง
ด้านต้นทุนราคาถึงแม้เครื่อง CT-Scan ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการแพทย์จะมีราคาประมาณ
10 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งจะมีเครื่องตกรุ่นที่ถูกปลดระวางทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานให้สามารถนำมาพัฒนาเป็นเครื่อง
CT-Scan สำหรับใช้ตรวจสอบทุเรียน
โดยคาดว่าจะมีราคาต่อเครื่องไม่เกิน 2 ล้านบาท
ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่าสำหรับโรงคัดแยกผลไม้หรือล้งจะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
โดยเครื่อง CT-Scan นี้ยังสามารถใช้กับผลไม้ชนิดอื่นได้แทบทุกชนิด
ไม่เฉพาะกับแค่ทุเรียนเท่านั้น”
ผอ. ARDA กล่าวในตอนท้ายว่า
นวัตกรรม CT-Scan ทุเรียนด้วย AI ภายใต้โครงการวิจัยนี้
ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการส่งออกทุเรียนของไทย
ซึ่งจะเป็นการสร้างความได้เปรียบในตลาดโลก
ความลดความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการถูกตีกลับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ
อีกทั้งเป็นการสร้างการยอมรับและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้นำเข้าที่จะส่งผลต่อปริมาณการสั่งซื้อทุเรียนและผลไม้อื่น
ๆ ของไทยในระยะยาวต่อไป สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) โทรศัพท์. 02 579 7435