วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2567 เวลา
13.30 น. ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ และข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล
ระหว่าง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยนายวิณะโรจน์
ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. กับ กรมส่งเสริมการเกษตร โดยนายพีรพันธ์ คอทอง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
ส.ป.ก.
และกรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการและข้อตกลงการแบ่งปัน
ข้อมูลส่วนบุคคล สืบเนื่องจาก ส.ป.ก.
มีภารกิจสำคัญในการจัดที่ดินของรัฐให้แก่เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์เพื่อประกอบเกษตรกรรม
โดยออกเป็นหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01)
และยกระดับมูลค่าของสิทธิ โดยการปรับปรุงเอกสารสิทธิให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร
ภายใต้กฎหมายการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามนโยบายของรัฐบาล
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า
เกษตรกรที่มีคุณสมบัติได้รับการปรับปรุงเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร
จำนวน 1,628,520 ราย 2,205,561 ฉบับ เนื้อที่รวม 22,079,407.67 ไร่
ตามกระบวนการออกเอกสารสิทธินั้น ส.ป.ก. ต้องตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร
ส่วนหนึ่งของการตรวจสอบมาจากการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลหน่วยงานของรัฐอื่น
ๆ ผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลประชาชน และการให้บริการภาครัฐ (Linkage Center) ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
และข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรมาประกอบการพิจารณา
ขณะเดียวกัน
กรมส่งเสริมการเกษตรก็มีภารกิจในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร
เมื่อมีเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินต้องการขึ้นทะเบียนเกษตรกร
กรมส่งเสริมการเกษตรจึงจำเป็นต้องใช้หนังสือรับรองการเป็นเกษตรกรจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด
(ส.ป.ก.จังหวัด) ที่ตั้งที่ดิน เพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงานเกษตรอำเภอด้วย
ดังนั้น บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือฯ ดังกล่าว
จึงมีสาระสำคัญในการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูลเกษตรกรและการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน
ข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ข้อมูลภูมิสารสนเทศด้านการเกษตร ข้อมูลผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล
และข้อมูลสารสนเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของทั้งสองหน่วยงาน
เพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการยื่นคำขอจัดที่ดิน
และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงความมั่นคงของสิทธิจากการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
และได้รับสิทธิประโยชน์ หรือความช่วยเหลือต่าง ๆ จากภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว